Page 79 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 79
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
๓.๒.๓ โทษประหารชีวิต
๑ หลักการด้านสิทธิมนุษยชน
สิทธิในชีวิต/สิทธิของการมีชีวิตอยู่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทยหลายฉบับ รวมทั้งมาตรฐานและพันธกรณีระหว่างประเทศ
ด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๒ ก�าหนดว่า บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิต
และร่างกาย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
มาตรา ๔ ก�าหนดว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค
บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับความคุ้มครองตามประเพณีการปกครอง
ประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับ
การคุ้มครอง ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ ๓ ก�าหนดว่า คนทุกคน
มีสิทธิที่จะมีชีวิต และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและ
สิทธิทางการเมือง ข้อ ๖ ข้อย่อยที่ ๒ ก�าหนดให้ประเทศที่ยังมิได้ยกเลิก
โทษประหารชีวิตอาจลงโทษประหารชีวิตได้เฉพาะคดีอุกฉกรรจ์ที่สุด
(The most serious crime) ตามกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะกระท�าความผิด
ข้อย่อยที่ ๔ บุคคลใดต้องค�าพิพากษาประหารชีวิต ย่อมมีสิทธิขออภัยโทษ
หรือลดหย่อนผ่อนโทษตามค�าพิพากษา และข้อย่อยที่ ๕ บุคคลอายุต�่ากว่า
สิบแปดปีที่กระท�าความผิดจะถูกพิพากษาประหารชีวิตไม่ได้ และจะด�าเนินการ
ประหารชีวิตสตรีขณะมีครรภ์ไม่ได้
๒ สถานการณ์ทั่วไป
สถานการณ์โทษประหารชีวิตในประเทศไทยสามารถพิจารณาจากความคิดเห็นของสังคมต่อโทษประหารชีวิต กฎหมายที่ก�าหนดโทษประหาร
ชีวิต แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสถิติโทษประหารชีวิตในประเทศไทย ดังนี้
๒.๑ ความคิดเห็นของสังคมต่อโทษประหารชีวิต
การประหารชีวิตผู้กระท�าผิดในอดีตมักเกิดจากแนวคิดของวัตถุประสงค์ในการลงโทษที่เน้นการแก้แค้นทดแทนเป็นส�าคัญ อันส่งผลให้
การประหารชีวิตมีรูปแบบที่โหดร้ายทารุณ เนื่องจากต้องการให้ผู้กระท�าผิดได้รับโทษที่สาสมกับโทษทัณฑ์ที่ได้กระท�าไว้กับเหยื่ออาชญากรรม
หากแต่เมื่อสังคมพัฒนามากขึ้นแนวคิดของการใช้โทษประหารชีวิตเพื่อแก้แค้นทดแทนได้ลดน้อยลง โดยการใช้โทษประหารชีวิตมีวัตถุประสงค์
ที่ส�าคัญนอกเหนือจากการแก้แค้นทดแทน คือ การป้องปรามสังคมไม่ให้เกิดอาชญากรรม การข่มขวัญยับยั้งผู้ที่คิดจะกระท�าผิด ซึ่งเป็น
ทั้งการข่มขวัญยับยั้งเฉพาะบุคคล และการข่มขวัญยับยั้งทั่วไป ท�าให้สังคมเกิดความเกรงกลัวต่อการกระท�าผิด หรือการประกอบอาชญากรรม
นอกจากนี้ วัตถุประสงค์ที่ส�าคัญอีกประการหนึ่งของการใช้โทษประหารชีวิต คือ การตัดโอกาสผู้กระท�าผิดออกจากสังคม อันเป็น
การท�าให้อาชญากรหรือผู้กระท�าผิดไม่มีโอกาสที่จะกระท�าผิดในสังคมได้อีกต่อไป แต่ปัจจุบันแนวคิดในการปฏิบัติต่อผู้กระท�าผิดที่ส�าคัญ คือ
การแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท�าผิด เนื่องจากมีความเชื่อต่อสาเหตุในการกระท�าผิดตามหลักปฏิฐานนิยม (Positive School) ที่เชื่อว่าทุกคนเกิดมาเปรียบ
เสมือนผ้าขาวที่บริสุทธิ์หากแต่ต้องกระท�าผิดเพราะสภาพแวดล้อมบีบบังคับให้ต้องกระท�าผิด อันน�าไปสู่แนวทางในการปฏิบัติต่อผู้กระท�าผิด
ที่เน้นการแก้ไขฟื้นฟู เพราะเห็นว่าผู้ที่กระท�าผิดไม่ได้เป็นผู้ที่เป็นอาชญากรโดยก�าเนิด หากแต่ต้องเป็นอาชญากรหรือกระท�าผิดเนื่องจาก
การถูกสภาพแวดล้อมรอบตัวที่บีบบังคับ หรือหล่อหลอมให้ต้องประกอบอาชญากรรม ดังนั้น ผู้กระท�าผิดจึงควรได้รับโอกาสในการบ�าบัด
แก้ไขฟื้นฟู เพื่อให้สามารถกลับเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าต่อสังคมต่อไป ๖๒
๖๒ รายงานการศึกษา เรื่อง โทษประหารชีวิตในประเทศไทย ส�านักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ๒๕๕๗ น. ๑๕๒ – ๑๕๓
49