Page 76 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 76

รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘



             แผนดังกล่าวในส่วนแผนสิทธิมนุษยชนของกลุ่มผู้ต้องหา/ผู้ต้องขัง ได้มีกิจกรรมที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสภาพเรือนจ�า การขยาย
             สาธารณูปโภคต่าง ๆ การส่งเสริมการปฏิบัติต่อจ�าเลยโดยค�านึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และปรับแก้ไขพระราชบัญญัติราชทัณฑ์
                      ๔๘
             พ.ศ. ๒๔๗๙ โดยที่ยังมิได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. ....
             และยังไม่มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับค�านิยามการทรมาน อาจกล่าวได้ว่า กฎหมายภายในของประเทศไทยไม่มีบทบัญญัติ
             ความผิดฐานการกระท�าทรมานที่สอดคล้องกับอนุสัญญา CAT
             นับแต่รัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเมื่อมีการรัฐประหารและประกาศใช้
             พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ พบว่า บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวท�าให้บุคคลโดยเฉพาะที่ต้องสงสัยได้กระท�า
             การที่ขัดต่อกฎหมายดังกล่าวมีโอกาสเสี่ยงต่อการถูกกระท�าด้วยการทรมาน กล่าวคือ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกฯ มาตรา ๑๕ ทวิ
             ให้อ�านาจเจ้าหน้าที่ความมั่นคงกักตัวบุคคลที่มีเหตุควรสงสัยเพื่อสอบถามได้เป็นเวลา ๗ วัน โดยไม่ต้องขอหมายจับจากศาล พระราชก�าหนด
             การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ก�าหนดให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวบุคคลได้ ๗ วัน อาจขอขยายเวลาได้ครั้งละ ๗ วัน
             แต่ไม่เกิน ๓๐ วัน ในสถานที่ที่ไม่ใช่ที่ควบคุมตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยไม่มีบทบัญญัติรับรองสิทธิของผู้ถูก
             ควบคุมตัว เช่น การได้รับการเยี่ยมจากญาติหรือปรึกษาทนายความ เป็นต้น



              กสม. เคยมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลขอให้ทบทวนการบังคับใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
              โดยให้ใช้อย่างจ�ากัดเท่าที่จ�าเป็น เมื่อใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใด หากสถานการณ์ดีขึ้นควรยกเลิกการใช้กฎหมายความมั่นคง
              ฉบับดังกล่าว แล้วใช้กฎหมายที่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนน้อยที่สุด ๔๙

             ส�าหรับการป้องกันและการคุ้มครองบุคคล    ท�าผิดวินัย ๕๐  ซึ่งแม้ในทางปฏิบัติกรมราชทัณฑ์ก็ได้ยกเลิกการลงโทษ
                                                                                ๕๒
                                                                   ๕๑
             จากการถูกกระท�าทรมานในสถานที่ที่ท�าให้บุคคล   โดยการขังห้องมืด และการเฆี่ยน แล้ว แต่ยังมีบทบัญญัติเกี่ยวกับ
             เสื่อมเสียอิสรภาพนั้น การบริหารจัดการเรือนจ�า   โทษดังกล่าวในกฎหมายและอีกทั้งเนื้อหาบางประการไม่สอดคล้องกับ
             และปฏิบัติต่อผู้ถูกคุมขังภายใต้ความรับผิดชอบ   มาตรฐานขั้นต�่าว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังและข้อก�าหนดของ
             ของกรมราชทัณฑ์ได้มีพระราชบัญญัติราชทัณฑ์   สหประชาชาติส�าหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจ�าและมาตรการ  บทที่ ๓ สถานการณ์สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
             พ.ศ. ๒๔๗๙ เป็นกฎหมายหลัก ซึ่งพบว่า      ที่มิใช่การคุมขังส�าหรับผู้กระท�าผิดหญิง (Bangkok Rules) ที่ประเทศไทย
             มีบทบัญญัติบางประการที่เปิดโอกาสให้     ได้รับรอง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอยู่ระหว่างร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์
             ผู้ถูกคุมขังถูกกระท�าทรมาน เช่น ก�าหนดให้ใช้   ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติให้สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต�่า
             การขังเดี่ยวเเละการขังห้องมืดโดยความ    และข้อก�าหนดกรุงเทพมากขึ้น ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่าง
                                                                                  ๕๓
             เห็นชอบของแพทย์ และเฆี่ยนในความควบคุม   การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา
             ของแพทย์เป็นบทลงโทษแก่ผู้ต้องขังที่


             ในปี ๒๕๕๔ – ๒๕๕๕ กสม. ได้ด�าเนินการโครงการตรวจเยี่ยมสถานที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน สถานีต�ารวจและเรือนจ�า มีสถานี
             ต�ารวจที่เข้ารับการตรวจเยี่ยม ๑๖ แห่ง และมีเรือนจ�าที่เข้ารับการตรวจเยี่ยม ๑๘ แห่ง ข้อค้นพบจากโครงการดังกล่าว คือ ในส่วนของ
             สถานีต�ารวจ พบว่า สถานีต�ารวจส่วนใหญ่มีการแยกห้องควบคุมตัวระหว่างหญิงกับชาย และระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ สภาพทางกายภาพ
             โดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ดี ยกเว้นบางแห่งที่ห้องควบคุมผู้ต้องหามีสภาพทรุดโทรมหรือสะอาดไม่เพียงพอ







             ๔๘   เรื่องเดียวกัน, หน้า ๔๔–๔๕
             ๔๙   คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่ง
             ชาติ เล่ม ๑ ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗, เรื่อง ข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายพิเศษที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธ
             ศักราช ๒๔๕๗ พระราชก�าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑, หน้า ๒๐-๒๓
             ๕๐   พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.๒๕๗๙ มาตรา ๓๕ (๖) (๗) และ (๘)
             ๕๑   กรมราชทัณฑ์มีนโยบายยกเลิกการใช้ห้องมืดมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๘
             ๕๒   ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบกรมราชทัณฑ์ ฉบับที่ ๑ เรื่องการลงโทษเฆี่ยน พ.ศ. ๒๔๘๐ และ พ.ศ. ๒๕๔๘
             ๕๓   ส�านักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ....  ดูรายละเอียดได้ที่<www.cabinet.soc.go.th>
             (เข้าดู ณ วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๙)




                                                                                                           46
   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81