Page 72 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 72

รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘




                ๔    การประเมินสถานการณ์


              ในปี ๒๕๕๘ กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมโดยมีการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระท�าการละเมิด
              สิทธิมนุษยชนมากที่สุด เมื่อเทียบกับสิทธิในด้านอื่น ๆ แม้จะมีจ�านวนน้อยกว่าปี ๒๕๕๗ ก็ตาม โดยมีการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ
              ในกระบวนการยุติธรรมกระท�าการอันไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งรัฐมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามพันธกรณี
              ระหว่างประเทศที่เป็นภาคี ในการเคารพ คุ้มครอง และท�าให้สิทธิเกิดผลในทางปฏิบัติ โดยในการปฏิบัติตามกติการะหว่างประเทศ
              ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ยังคงมีการด�าเนินการที่อาจจะไม่สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว และยังคงเป็นสถานการณ์
              ที่น่าห่วงใยที่รัฐควรที่จะตระหนักและให้ความส�าคัญ ดังนี้





              การค�านึงถึงสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา/ผู้ต้องหา ยังพบว่า
              เจ้าหน้าที่ของรัฐมีการน�าตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระท�าความผิดแถลง
              ข่าวต่อสื่อมวลชน/การน�าตัวไปท�าแผนประกอบค�ารับสารภาพ
              โดยหลักแล้วบุคคลผู้ถูกกล่าวหาว่ากระท�าความผิดอาญา ย่อมได้รับ
              การสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีค�าพิพากษา
              ตัดสินว่ามีความผิด  และก่อนที่จะมีค�าพิพากษาอันถึงที่สุด
              แสดงว่าบุคคลใดกระท�าความผิดจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือน
              ผู้กระท�าความผิดมิได้ การน�าตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปชี้ที่เกิดเหตุ
              ประกอบค�ารับสารภาพ อาจจะจ�าเป็นต้องด�าเนินการในกรณีคดี
              ที่ไม่มีประจักษ์พยานและพยานหลักฐานที่หาได้โดยยาก จึงท�าให้  ตัวหรือความคืบหน้าของคดีเจ้าหน้าที่ต�ารวจสามารถด�าเนิน
              ต้องหาพยานหรือเหตุแวดล้อมประกอบ รวมทั้งวัตถุพยานต่าง ๆ    การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนได้โดยไม่จ�าเป็นต้องเปิดเผยใบหน้า  บทที่ ๓ สถานการณ์สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
              เช่น อาวุธที่ใช้ในการกระท�าความผิด ซึ่งหากไม่น�าตัวผู้ต้องหาไปชี้   ของผู้ต้องหาได้ ส่วนกรณีการน�าตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปชี้
              ที่เกิดเหตุก็จะท�าให้ไม่ได้พยานหลักฐานประกอบการพิสูจน์ที่เกิดเหตุ   ที่เกิดเหตุ แม้จะให้ผู้ต้องหาใส่เสื้อเกราะและมีเจ้าหน้าที่
              เพื่อให้พบพยานหลักฐานต่าง ๆ โดยในการน�าตัวผู้ต้องหาไป   ของรัฐคอยให้ความคุ้มครอง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงต่อการถูกรุม
              ชี้ที่เกิดเหตุประกอบค�ารับสารภาพจะต้องค�านึงถึงความปลอดภัย  ประชาทัณฑ์ อีกทั้ง ในกรณีที่มีการน�าตัวผู้ต้องหาที่เป็นเด็ก
              ของผู้ต้องหา ป้องกันมิให้มีการกระท�าที่เป็นการกระทบต่อสิทธิ   อายุไม่เกิน ๑๘ ปีบริบูรณ์ ไปชี้ที่เกิดเหตุประกอบค�ารับสารภาพ
              และเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย รวมถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคล   ซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวทางตามค�าสั่งส�านักงานต�ารวจแห่งชาติ
              เพื่อมิให้กระทบต่อชื่อเสียงของผู้ต้องหาและบุคคลในครอบครัว   ที่ ๘๕๕/๒๕๕๘ เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ข่าว การแถลงข่าว
              และต้องไม่กระท�าให้เกิดลักษณะที่เป็นการประจาน และการแถลง  การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน และการจัดท�า
              ข่าวต่อสื่อมวลชนอาจเป็นไปเพื่อป้องปรามบุคคลไม่ให้กระท�า  สื่อประชาสัมพันธ์ การกระท�าดังกล่าวเป็นการกระท�าที่
              ความผิดและเป็นการกระตุ้นเตือนภัยให้สังคมเกิดความระมัดระวัง    ส่งผลกระทบต่อผู้ต้องหาหรือจ�าเลย และญาติของผู้ต้องหา
              แต่ไม่จ�าเป็นต้องน�าผู้ต้องหาไปแถลงข่าวก็สามารถกระท�าได้    หรือจ�าเลย ซึ่งสังคมจะเกิดความไม่ไว้วางใจต่อบุคคลนั้น
              แต่ยังคงพบว่า  เจ้าหน้าที่ต�ารวจยังคงมีการน�าตัวผู้ต้องหา   รวมทั้งคนในครอบครัวของบุคคลนั้นด้วย เป็นการกระท�า
              มาตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง ในลักษณะที่   ที่กระทบต่อสิทธิของผู้ต้องหาหรือจ�าเลยในการที่จะได้รับการ
              ไม่มีการปกปิดใบหน้า มีการให้ชื่อ-นามสกุลผู้ต้องหา และมีการน�า  สันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และกระทบต่อเกียรติยศชื่อเสียงด้วย
              เสนอข่าวดังกล่าวในสื่อหลัก ซึ่งหากจะมีการแถลงถึงการจับกุม















                                                                                                           42
   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77