Page 47 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 47

รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
























        สภาพการท�างานและระบบประกันสังคม เมื่อเปรียบเทียบ     รวมทั้งสิ้น ๑๒.๔๓ ล้านคน ๑๓.๖๓ ล้านคน และ ๑๓.๗๙ ล้านคน
        จ�านวนก�าลังแรงงานรวมทั้งสิ้นกับจ�านวนผู้มีงานท�าของประเทศ   ตามล�าดับ แสดงให้เห็นว่า จ�านวนก�าลังแรงงานที่มีสิทธิได้รับ
        แสดงให้เห็นว่าก�าลังแรงงานของประเทศไทยเป็นผู้มีงานท�า   การคุ้มครองในระบบประกันสังคมมีจ�านวนเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี ทั้งนี้
        ในอัตราสูง อีกทั้งยังมีจ�านวนผู้มีงานท�าที่เป็นแรงงานในระบบ  รัฐมีมาตรการการด�าเนินการที่จะท�าให้แรงงานนอกระบบเข้ามา
        มีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่อย่างไรก็ตาม พบว่าประเทศไทยมี  อยู่ในระบบ โดยมีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา
        จ�านวนแรงงานนอกระบบสูงกว่าจ�านวนแรงงานในระบบ ส่วนเรื่อง  ท�าให้แรงงานได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายและมีหลักประกัน
        ระบบประกันสังคมเป็นการคุ้มครองสิทธิของแรงงานไทย ซึ่งจาก  ทางสังคมมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงพบว่า มีแรงงานบางกลุ่มยังไม่ได้รับ
        ข้อมูลจากส�านักงานประกันสังคม พบว่า ในปี ๒๕๕๖ – ๒๕๕๘   ความคุ้มครองอย่างทั่วถึง ได้แก่ กลุ่มลูกจ้างท�างานบ้าน ลูกจ้าง
        มีจ�านวนผู้ประกันตน ตามมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐   ที่ไปท�างานในต่างประเทศที่มักถูกละเมิดสิทธิจากนายจ้าง



        ค่าแรงขั้นต�่า เมื่อปี ๒๕๕๔ รัฐได้แถลงนโยบายให้ผู้ใช้แรงงานมีรายได้วันละไม่น้อยกว่า ๓๐๐ บาท และเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖
        ถือเป็นวันแรกที่ “ค่าแรงขั้นต�่า ๓๐๐ บาท” มีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ ๗๗ จังหวัด ซึ่งปัจจุบันมีการเรียกร้องจากกลุ่มแรงงานให้ปรับขึ้น
        ค่าแรงขั้นต�่าจากวันละ ๓๐๐ บาท เป็น ๓๖๐ บาท และ ๔๒๑ บาทต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบัน และเมื่อเปรียบ
        เทียบอัตราค่าแรงขั้นต�่าของประเทศกับประชาคมในกลุ่มอาเซียน จะเห็นได้ว่า ประเทศไทยมีอัตราค่าแรงขั้นต�่าเฉลี่ยต่อวันเป็นอันดับ ๔ จาก
        ประเทศกลุ่มอาเซียน ๑๐ ประเทศ



        การรวมตัวและเสรีภาพในการสมาคมด้านแรงงาน              ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัวกัน
        ประเทศไทยได้เข้าร่วมก่อตั้งองค์การแรงงานระหว่างประเทศ   ค.ศ. ๑๙๔๘ และฉบับที่ ๙๘ ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัว และการ
        (ILO) ตั้งแต่ปี ๒๔๖๒ โดยปฏิญญาว่าด้วยหลักการและสิทธิ   ร่วมเจรจาต่อรอง ค.ศ. ๑๙๔๙ โดยกระทรวงแรงงานได้เตรียมการ
        ขั้นพื้นฐานในการท�างาน (ILO Declaration on Fundamental   เพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาทั้งสองฉบับดังกล่าว และได้เสนอเรื่อง
        Principles and Rights at Work) ก�าหนดให้ประเทศสมาชิก  ให้รัฐสภาพิจารณาไปแล้ว  แต่เนื่องจากได้เกิดการควบคุม
        เคารพและปฏิบัติตามสิทธิในการท�างานขั้นพื้นฐานครอบคลุม   สถานการณ์ของ คสช. ในปี ๒๕๕๗ ท�าให้เรื่องดังกล่าวถูกระงับไป
        ๔ ประเด็นหลัก ได้เเก่ (๑) เสรีภาพในการสมาคมและการ    ส�าหรับในประเทศไทยพบว่า  ในภาครัฐวิสาหกิจมีจ�านวน
        รับรองที่มีผลจริงจังส�าหรับสิทธิในการต่อรองร่วม (๒) การขจัด   สหภาพแรงงานและสหพันธ์ในรัฐวิสาหกิจ รวม ๔๙ แห่ง ในภาค
        การบังคับใช้เเรงงานในทุกรูปแบบ (๓) การยกเลิกการใช้แรงงานเด็ก   เอกชนมีสหภาพแรงงาน สหพันธ์แรงงาน สภาองค์การลูกจ้าง
        และ (๔) การขจัดการเลือกปฏิบัติในการจ้างงานและประกอบ  สมาคมนายจ้าง และสภาองค์การนายจ้าง รวม ๑,๘๔๑ แห่ง
             ๑๘
        อาชีพ ทั้งนี้ ยังมีอนุสัญญาด้านแรงงานที่ประเทศไทยยังมิได้   แต่ในภาคราชการยังไม่มีการจัดตั้งสหภาพหรือสหพันธ์ด้านแรงงาน
                 ๑๙
        ให้สัตยาบัน  ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสมาคมและเจรจาต่อรอง ได้แก่   แต่อย่างใด
                                                                     ๒๐
        อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ ๘๗

        ๑๘   ข้อมูลจาก www.unionesso.org/
        ๑๙   ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาที่เป็นกรอบมาตรฐานแรงงานและเป็นอนุสัญญาพื้นฐาน ๓ ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ ๘๗ ฉบับที่ ๙๘ และฉบับที่ ๑๑๑
        ๒๐   ข้อมูลจ�านวนสหภาพ สหพันธ์ และสภาที่เกี่ยวข้องกับด้านแรงงาน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ของส�านักแรงงานสัมพันธ์ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน

         17
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52