Page 51 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 51
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
กลุ่มคนพิการ
กสม. พบว่า ประเทศไทยได้ด�าเนินการถอนถ้อยแถลงตีความ ข้อ ๑๘ วรรค ๒
ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการเกี่ยวกับสิทธิในการจดทะเบียนเกิด สิทธิ
ในการมีชื่อ และสิทธิในการได้สัญชาติของเด็กพิการ ซึ่งรัฐได้ให้ค�ามั่นไว้
ในการเสนอรายงาน UPR รอบที่ ๑ ในปี ๒๕๕๔ ขณะที่รัฐบาลได้ออกกฎหมาย
เพื่อให้คนพิการเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากรัฐ และเพื่อส่งเสริมและพัฒนา
คุณภาพชีวิตของคนพิการให้ครอบคลุม ทั่วถึง โดยออกกฎหมายส�าคัญ
หลายฉบับ อาทิ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
พ.ศ. ๒๕๕๐ (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๖) เพื่อขจัดการกระท�าที่เป็นการเลือกปฏิบัติ
โดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ และเพื่อช่วยเหลือคนพิการให้ได้รับสิทธิประโยชน์
และการอ�านวยความสะดวกเพิ่มขึ้น โดยให้องค์กรด้านคนพิการมีบทบาทในการ
ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการมากขึ้น พร้อมกับการออกกฎกระทรวง
ก�าหนดจ�านวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของ
รัฐจะต้องรับเข้าท�างาน และจ�านวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ
ทั้งนี้ กสม. ประเมินสถานการณ์ของกลุ่มคนพิการ จะต้องน�าส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๔
โดยพบว่า คนพิการยังประสบปัญหาอุปสรรค เพื่อส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ และแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ
ในการเข้าถึงการศึกษา เนื่องจากการถูกปฏิเสธ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่บูรณาการเพื่อคนพิการ
การเข้ารับการศึกษา การขาดความพร้อมของ และทุกคนในสังคม ให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้จากสิทธิอย่าง
สถานศึกษา ตลอดจนการขาดการจัดสรรเครื่อง เท่าเทียม และเป็นธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ
อ�านวยความสะดวกส�าหรับคนพิการที่เหมาะสม รวมถึงการออกพระราชบัญญัติการจัดการศึกษาส�าหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑
และตรงตามความต้องการของคนพิการแต่ละ (เเก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๖) เพื่อให้การบริการและการให้ความช่วยเหลือ
ประเภท ในด้านการประกอบอาชีพ ผู้ประกอบการ แก่คนพิการในด้านการศึกษาเป็นไปอย่างทั่วถึงทุกระบบและทุกระดับการศึกษา
ส่วนใหญ่ยังคงเลือกช่องทางจ่ายเงินชดเชยเข้า
กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
มากกว่าการจ้างคนพิการเข้าท�างาน เนื่องจาก
สถานที่ของผู้ประกอบการยังขาดความพร้อม ฐานข้อมูลของคนพิการที่สมบูรณ์ ครอบคลุม และปราศจากการตีตราพร้อมกับ
และสิ่งอ�านวยความสะดวกที่เหมาะสม รวมถึง เป็นไปในแนวทางสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ ควรเปิดกว้างให้กับกลุ่มคนพิการที่ไม่มี
ข้อจ�ากัด ด้านทักษะ ความรู้ ความสามารถของ สัญชาติไทยให้สามารถรับบัตรดังกล่าวเพื่อรับรองและคุ้มครองสิทธิ และเข้าถึง
คนพิการ ในด้านการเข้าถึงสิ่งอ�านวยความสะดวก โอกาสในการฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตจากรัฐ (๒) การเตรียมความพร้อมของ
อันเป็นสาธารณะ ที่ผ่านมา ยังคงไม่ครอบคลุม สถานศึกษาของรัฐ ทั้งด้านการมีบุคลากรและอุปกรณ์ที่เหมาะสมต่อประเภท
ทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล อีกทั้งมีข้อ ของคนพิการและมีการด�าเนินการเชิงปฏิบัติการในการส่งเสริม สนับสนุน ให้คน
จ�ากัดในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และในด้าน พิการมีการศึกษาในระดับที่สูงได้ (๓) การมีมาตรการหรือแนวทางในการด�าเนิน
การรับบริการสาธารณสุข ยังคงพบความเหลื่อมล�้า งานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดแนวทางการจ้างงานในชุมชน
ระหว่างระบบประกันสุขภาพภาครัฐ เนื่องจาก เพื่อขยายโอกาสให้คนพิการสามารถท�างานในภูมิล�าเนาของตนเอง และเป็น
ระบบประกันสุขภาพของภาครัฐ ได้ก�าหนดสิทธิ ทางเลือกให้แก่คนพิการในการพัฒนาศักยภาพของตน ท�าให้คนพิการเกิด
ประโยชน์ให้แก่คนพิการ ซึ่งครอบคลุมประเภท ความภาคภูมิใจและรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง (๔) การเร่งรัดและติดตามการจัด
ความพิการไม่เท่าเทียมกันของระบบประกัน สิ่งอ�านวยความสะดวกส�าหรับคนพิการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
สุขภาพของรัฐทั้ง ๓ ระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง (๕) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนพิการในทุกระดับ ตั้งแต่การด�าเนิน
การสนับสนุนอุปกรณ์ส�าหรับช่วยเหลือคนพิการ กิจกรรม การวางแผนและร่วมก�าหนดนโยบายกับรัฐ รวมถึงการมีส่วนร่วม
ประเภทต่าง ๆ ดังนั้น รัฐควรด�าเนินมาตรการ ในการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนงานของหน่วยงานต่าง ๆ
เชิงรุก พร้อมกับการติดตามผลอย่างจริงจัง และการมีส่วนร่วมในระดับนโยบายและการก�าหนดยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้อง
และต่อเนื่อง โดยมีล�าดับความส�าคัญ ได้แก่
(๑) การจัดท�าบัตรประจ�าตัวคนพิการโดยมี
21