Page 52 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 52
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
กลุ่มผู้สูงอายุ
กสม. พบว่า มีข้อท้าทายส�าคัญ ๔ ด้าน คือ (๑) การส่งเสริมสิทธิของ ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลได้มีนโยบายเบี้ยยังชีพถ้วนหน้าให้กับบุคคล
ผู้สูงอายุตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยเฉพาะ สัญชาติไทยทุกคนที่มีอายุตั้งเเต่ ๖๐ ปีขึ้นไป โดยจะต้องแสดงสิทธิ
ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมในการ โดยการขึ้นทะเบียนในอัตราแบบขั้นบันได (๖๐๐-๑,๐๐๐ บาท
ด�ารงชีวิตที่ดี ยังมีไม่มากพอ ท�าให้ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เสีย ต่อเดือน) แต่ยังเป็นจ�านวนเงินที่ยังไม่เพียงพอกับค่าครองชีพ
โอกาสในการเข้าถึงสิทธิ ยังขาดกลไกรัฐและภาคประชาสังคม ในปัจจุบัน และมีมูลค่าเพียง ๑ ใน ๓ ของค่าเส้นความยากจนของ
ที่สนับสนุนการด�าเนินการส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ และยังคงมี ประเทศ และยังอาจจะไม่ยั่งยืนเนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ
ช่องว่างทางกฎหมายที่จ�ากัดสิทธิของผู้สูงอายุในด้านทางเลือก และ (๔) การมีทัศนคติทั่วไปที่มองผู้สูงอายุเป็นภาระของสังคม
และการเข้าถึงการท�างานได้ตามความสามารถ หรือได้รับการส่งเสริม มากกว่าที่จะเห็นความส�าคัญในเชิงการสั่งสมภูมิปัญญาความรู้
และพัฒนาจากรัฐ (๒) การขาดความชัดเจนในการปฏิรูประบบรองรับ โดยสะท้อนผ่านการน�าเสนอในสื่อมวลชน และการก�าหนด
การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยเฉพาะในส่วนของ นโยบายต่าง ๆ ในขณะที่พบว่า ประชากรผู้สูงอายุร้อยละ ๘๕
เศรษฐกิจ การด�าเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ยังมิให้ความส�าคัญ มีความสามารถที่จะเป็นทรัพยากรในการพัฒนาประเทศ
และไม่มีนโยบาย และแผนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนและเพียงพอ แต่ยังขาดการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลง และแก้ไขทัศนคติใน
ขาดการบูรณาการการปฏิบัติงาน (๓) การขาดความมั่นคงทางรายได้ เรื่องดังกล่าว
กสม. ประเมินสถานการณ์ และมีข้อเสนอต่อการส่งเสริม คุ้มครองและพัฒนาสิทธิของกลุ่มผู้สูงอายุ กล่าวคือ (๑) ควรออกกฎหมาย บทที่ ๒ ภาพรวมสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
ทั้งการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและอาชีพของผู้สูงอายุที่มุ่งเน้นขยายความครอบคลุมถึงสิทธิของผู้สูงอายุ และการกระจายอ�านาจ
การบริหารกองทุนผู้สูงอายุ โดยการบรรจุเป้าหมาย นโยบาย และแผนงานผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ ไว้ในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย์ควรก�าหนดนโยบายเสริมสร้างให้มีกลไกและทรัพยากรในการส่งเสริมสิทธิผู้สูงอายุตามพระราชบัญญัติ
ผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้สู่การปฏิบัติผ่านกลไกรัฐ และภาคประชาสังคม (๒) ควรสร้างความมั่นคงทางรายได้ในวัยสูงอายุด้วยระบบ
บ�านาญแห่งชาติ โดยควรออกกฎหมายรองรับการก�าหนดบ�านาญขั้นพื้นฐานแก่ประชาชนทุกคน เพื่อให้การด�าเนินนโยบายเบี้ยยังชีพ
ถ้วนหน้าให้กับบุคคลสัญชาติไทยทุกคนที่มีอายุ ๖๐ ปี มีความชัดเจนและยั่งยืน โดยควรมีกฎหมายที่ชัดเจนรองรับพระราชบัญญัติ
คณะกรรมการนโยบายบ�าเหน็จบ�านาญแห่งชาติ (๓) ควรสร้างมาตรการในการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลง และแก้ไขทัศนคติทั่วไป
ที่มองผู้สูงอายุเป็นภาระของสังคม โดยเน้นย�้าบทบาทของผู้สูงอายุกับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ซึ่งรัฐบาลควรต้องก�าหนดนโยบาย
และจัดสรรทรัพยากรสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และ (๔) ควรสนับสนุนให้มีอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยผู้สูงอายุ ตามการสนับสนุน
ของคณะท�างานเปิดแห่งสหประชาชาติด้านผู้สูงอายุ (UN Open-End Working Group) โดยจะต้องปรับปรุงกฎหมาย นโยบาย
และการด�าเนินงานต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน
22