Page 193 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 193
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
>> สถานการณ์และความห่วงกังวล
(๑) ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ด�าเนินการเพื่อประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มคนไร้รัฐและไร้สัญชาติหลายประการ อาทิ การแก้ไขเพิ่มเติม
พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ การออกระเบียบส�านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๓ มติคณะรัฐมนตรี
ที่เกี่ยวข้อง เช่น แนวนโยบายการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล (๒ มิถุนายน ๒๕๕๓) แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง (๓ สิงหาคม
๒๕๕๓) และอนุบัญญัติของหน่วยงาน เช่น กฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิขององค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ในศูนย์การเรียน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้น อย่างไรก็ดี ยังคงพบสภาพปัญหาทั่วไปที่สิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มคนไร้รัฐและไร้สัญชาติ
ยังไม่ได้รับการรับรองหรือถูกละเมิด ได้แก่
> ลักษณะทางธรรมชาติของการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์ > สถานการณ์และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องสิทธิในสถานะบุคคล
ที่แบ่งเป็น ๔ กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มที่ตั้งถิ่นฐานบนพื้นที่สูงหรือ ทางกฎหมาย เนื่องจากประเทศไทยมีความแตกต่างหลากหลาย
ชนชาวเขา กลุ่มที่ตั้งถิ่นฐานบนพื้นที่ราบ กลุ่มชาวเล และกลุ่มที่ ของกลุ่มชาติพันธุ์จ�านวนมาก ตั้งถิ่นฐานกระจายอยู่ตามภูมิภาค
อาศัยอยู่ในป่า ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร ห่างไกลจากระบบ ต่าง ๆ กอปรกับลักษณะการตั้งบ้านเรือนและวิถีการด�าเนินวิถีชีวิต
การคมนาคมขนส่ง และศูนย์กลางการบริหารจัดการ หรือระบบ ในพื้นที่ห่างไกล มีความทับซ้อนระหว่างพรมแดน ท�าให้การส�ารวจ
การดูแลของรัฐทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ประชาชน และก�าหนดสถานะบุคคลทางกฎหมายล่าช้า ขาดความสมบูรณ์
กลุ่มชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ยังขาดความมั่นคงในการด�ารงชีวิต มีสภาพ หรือมีความคลุมเครือในการลงบันทึกข้อมูล และส่งผลให้ไม่สามารถ
ยากจน และมีความเหลื่อมล�้าในการกระจายรายได้ เข้าถึงสิทธิหรือการได้รับบริการขั้นพื้นฐานของรัฐในบางด้าน
รวมถึงขาดโอกาสในการพัฒนาต่าง ๆ และที่ส�าคัญ ยังมีบุคคล
> กลุ่มชาติพันธุ์ในหลายพื้นที่ยังคงท�าการเกษตรแบบดั้งเดิม
อาศัยธรรมชาติเป็นหลัก ประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ประสบ ในกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีปัญหาด้านสถานะบุคคลและอยู่ระหว่าง
ปัญหาและข้อจ�ากัดทั้งในเรื่องที่ดินท�ากิน ทรัพยากรดินเสื่อมโทรม การพิจารณาก�าหนดสัญชาติไทย ประมาณ ๕๖๐,๐๐๐ คน
ขาดแคลนน�้าเพื่อการเกษตร ตลอดจนแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง ส่งผลกระทบต่อการสร้างจิตส�านึกการเป็นพลเมืองไทย
สภาพภูมิอากาศ เกิดภัยพิบัติบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบรุนแรง และการยอมรับในสังคม
ต่อพื้นที่การเกษตร นอกจากนี้ ยังประสบปัญหาความไม่ชัดเจน > กลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นชาวเล ซึ่งมีวิถีชีวิตเคลื่อนย้ายในทะเล
เรื่องกรรมสิทธิ์การถือครอง หรือการใช้ประโยชน์บนที่ดิน ที่ท�ากิน แถบอันดามันมายาวนาน ปัจจุบันมีชุมชนชาวเลประมาณ
และที่อยู่อาศัย เนื่องจากขาดระบบฐานข้อมูลที่ชัดเจนในการ ๓๐ ชุมชนตั้งหลักแหล่งกระจายอยู่ใน ๖ จังหวัดภาคใต้ของไทย
ส�ารวจการใช้ประโยชน์ที่ดิน และข้อมูลพื้นที่อนุรักษ์ รวมทั้งมีความ คือ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล มีประชากรประมาณ
ขัดแย้งเชิงนโยบายระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์ธรรมชาติ ๑๐,๐๐๐ คน แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม คือ (๑) มอแกน ประมาณ ๘๐๐ คน
การถือครองกรรมสิทธิ์ของธุรกิจเอกชน หรือปัจเจกบุคคลเหนือ (๒) มอแกลน ประมาณ ๓,๐๐๐ คน และ (๓) อูรักลาโว้ย
ที่ดิน รวมถึงการขาดกลไกการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ประมาณ ๕,๐๐๐ คน ชาวเลทั้ง ๓ กลุ่มมีปัญหาที่คล้ายคลึง
หลายกรณีพบว่า การด�าเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐในส่วนที่เกี่ยวกับ กัน ที่ส�าคัญ คือ การขาดความมั่นคงในที่อยู่อาศัย การเข้าไม่ถึง
ที่ดินที่ท�ากิน และที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์ผ่านนโยบาย บริการของรัฐเนื่องจากขาดเอกสารแสดงความเป็นบุคคล
๒๗๐
กฎหมาย ค�าสั่งต่าง ๆ ขาดการบูรณาการ ส่งผลให้การด�าเนินการ ของรัฐ และปัญหาเกี่ยวกับการหาเลี้ยงชีพตามวิถีชีวิตแบบ
กระทบหรือละเมิดต่อสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ ดั้งเดิม ปรากฏการณ์ข้างต้นเกิดขึ้นตลอดในพื้นที่ต่าง ๆ และ
> นโยบายและมาตรการของหน่วยงานต่าง ๆ ขาดการประสานงาน มีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการอพยพ
หรือมีหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน และขาดการ โยกย้ายออกจากที่อยู่อาศัยและที่ท�ากิน การเป็นผู้ไร้ที่ท�ากิน
มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของประชากรกลุ่มชาติพันธุ์ จึงเป็นข้อท้าทาย การจ�ากัดสิทธิ และการสูญเสียวิถีชีวิตดั้งเดิมทั้งประเพณี
ส�าคัญในการพัฒนาและด�าเนินการตามแผนแม่บท ตลอดจน และวัฒนธรรม การท�าให้ชุมชนอ่อนแอลงจนไม่สามารถดูแลพึ่งพา
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกลไกในการด�าเนินงานภาพรวม ตนเองได้
โดยค�านึงถึงสิทธิและความต้องการของกลุ่มชาติพันธุ์เป็นศูนย์กลาง
๒๗๐ การด�าเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดิน ที่ท�ากิน และที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์จะใช้อ�านาจผ่านช่องทางหลัก ได้แก่ (๑) กฎหมายทั่วไป อาทิ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔
พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๐๓ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดิน
เพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ และพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ (๒) กฎหมายหรือค�าสั่งที่มีลักษณะทางกฎหมาย อาทิ ค�าสั่ง คสช. ฉบับที่ ๖๔/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๗
และที่ ๖๖/๒๕๒๗ เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกท�าลายทรัพยากรป่าไม้ และ (๓) แนวปฏิบัติหรือการด�าเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและอาจส่งผล
ต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีการจัดการทรัพยากรต่างๆ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีของกลุ่มชาติพันธุ์ อาทิ แผนแม่บทการพัฒนากลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ของกระทรวงการ
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนโยบายการจัดการทรัพยากรต่าง ๆ
163