Page 186 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 186
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
๕.๒.๕ กลุ่มแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม
๑ หลักการด้านสิทธิมนุษยชน
“สิทธิในการท�างาน” (right to work) เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ปรากฎอยู่ในตราสารสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศหลายฉบับ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (International Covenant on Economic, Social
and Cultural Rights: ICESCR) ซึ่งประเทศไทยเข้าเป็นภาคีและมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม โดยตราสารฉบับดังกล่าวได้กล่าวถึง
สาระของสิทธิที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในการท�างานไว้ในส่วนที่ ๓ ของกติกา (ข้อ ๖-๙) ได้แก่ (๑) สิทธิในการท�างานและมีเงื่อนไขการท�างาน
ที่เหมาะสมเป็นธรรม เช่น ค่าตอบแทน สภาพปลอดภัยและชีวอนามัย เป็นต้น (๒) สิทธิที่จะก่อตั้งสหภาพแรงงานและสิทธิที่จะหยุดงาน
(๓) สิทธิที่จะได้รับสวัสดิการและหลักประกันด้านสังคม โดยข้อ ๒.๒ ของกติกาฯ ระบุให้รัฐภาคีประกันว่าสิทธิที่ระบุไว้ในกติกาฯ
จะใช้ได้โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติใด ๆ รวมถึงเรื่องเชื้อชาติ
คณะกรรมการประจ�ากติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทาง นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญา
เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมได้อธิบายข้อบทของกติกาฯ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labor
เพิ่มเติมในเอกสาร general comment ๒๔๔ ว่าสิทธิในการท�างาน Organization: ILO) จ�านวน ๑๕ ฉบับ (บังคับใช้ ๑๔ ฉบับ)
เป็นทั้งสิทธิเชิงปัจเจกและสิทธิเชิงกลุ่มซึ่งรวมทุกรูปแบบของการ ซึ่งเป็นอนุสัญญาหลัก ๕ ฉบับ (จากอนุสัญญาหลักทั้งหมด ๘ ฉบับ) บทที่ ๕ สถานการณ์สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเปราะบาง
ท�างานไม่ว่าจะเป็นงานอิสระหรืองาน dependent wage-paid ได้แก่ อนุสัญญาฉบับที่ ๒๙ ว่าด้วยการเกณฑ์แรงงานหรือ
work รวมทั้งได้อธิบายว่า สิทธิในการท�างานไม่ใช่สิทธิอย่าง แรงงานบังคับ อนุสัญญาฉบับที่ ๑๐๐ ว่าด้วยค่าตอบแทนที่
สมบูรณ์หรือสิทธิในการได้รับการจ้างงานโดยปราศจากเงื่อนไข เท่าเทียมกันส�าหรับหญิงและชายที่ท�างานอย่างเดียวกันและ
ทั้งนี้ ค�าว่า “การท�างาน” ในกติกาฯ หมายถึงการท�างานที่มี เป็นงานที่มีคุณค่าเท่าเทียมกัน อนุสัญญาฉบับที่ ๑๐๕ ว่าด้วย
คุณค่า (decent work) ซึ่งคือการท�างานที่เคารพสิทธิขั้นพื้นฐาน การยกเลิกการใช้แรงงานบังคับ อนุสัญญาฉบับที่ ๑๓๘ ว่าด้วย
ของมนุษย์ ได้แก่ สิทธิแรงงาน (the rights of workers) ภายใต้ อายุขั้นต�่าที่ให้จ้างงานได้ อนุสัญญาฉบับที่ ๑๘๒ ว่าด้วย
เงื่อนไขของสภาวะการท�างานที่ปลอดภัยและค่าตอบแทน (รายได้ การขจัดปัญหาการใช้แรงงาน เด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ๒๔๗
ที่แรงงานสามารถใช้สนับสนุนตัวแรงงานเองและครอบครัว) ส�าหรับหลักการในประเทศ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยควรให้โอกาสในการจ้างงานแก่แรงงานย้ายถิ่นและสมาชิกใน (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ได้ให้การรับรองสิทธิและ
ครอบครัวตามหลักการไม่เลือกปฏิบัติตามข้อ ๒.๒ ของกติกาฯ เสรีภาพของบรรดาชนชาวไทยไว้ตามบทบัญญัติมาตรา ๔ ๒๔๘
และข้อ ๗ ของอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงาน โดยสาระเกี่ยวกับสิทธิในการท�างานที่รัฐธรรมนูญแห่งราช
๒๔๕
ย้ายถิ่นและสมาชิกในครอบครัว และคณะกรรมการฯ เห็นถึง อาณาจักรไทยได้ให้การรับรองไว้นั้น เป็นเรื่องของเสรีภาพใน
ความจ�าเป็นของการมีแผนปฏิบัติการแห่งชาติ (national plans การประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดย
of action) เพื่อให้มีมาตรการหรือกฎหมายหรือการด�าเนินการใด ๆ เสรีอย่างเป็นธรรม การให้หลักประกันความปลอดภัยและ
ที่เหมาะสมเพื่อการเคารพและส่งเสริมหลักการดังกล่าว นอกจาก สวัสดิภาพในการท�างาน รวมทั้งหลักประกันในการด�ารงชีพ
นี้คณะกรรมการฯ ยังระบุว่ารัฐภาคีควรจะก�าจัดการเลือก ทั้งในระหว่างการท�างานและเมื่อพ้นภาวการณ์ท�างาน อย่างไร
ปฏิบัติหรือข้อห้ามโดยพฤตินัยในการเข้าถึงหลักประกันสังคมที่ ก็ตาม การรับรองสิทธิดังกล่าวเป็นการรับรองเฉพาะสิทธิของ
เหมาะสมและควรมั่นใจว่ากฎหมาย นโยบาย แผนงานหรือ คนไทย
โครงการและการจัดสรรทรัพยากรได้อ�านวยความสะดวกในการ
เข้าถึงหลักประกันสังคมของสมาชิกทุกคนตามที่ระบุในส่วนที่ ๓
ของกติกาฯ ๒๔๖
๒๔๔ general comment no.18 E/C.12/GC/18
๒๔๕ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานย้ายถิ่นและสมาชิกในครอบครัว (International Convention on the Protection of the
Rights of All Migrant Workers and Members of Their Families)
๒๔๖ general comment no.19 E/C.12/GC/19
๒๔๗ www.ilo.org/wcmsp5/groups/public/---asia/---ro-bangkok/---sro-bangkok/documents/publication/wcms_125651.pdf
๒๔๘ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๔ บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและ
ความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่าง
ประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้”
156