Page 163 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 163
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
๔.๒ สถานการณ์เด็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากผลกระทบของเหตุการณ์ความไม่สงบที่มีต่อเด็กในพื้นที่ ๒๐๔ มิติในเรื่องสุขภาพเด็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังเป็นมิติ
ที่มีความน่าห่วงกังวล ดังจะเห็นได้จากตัวเลขเชิงสถิติด้านสุขภาพพื้นฐานของเด็กในพื้นที่จังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลา ที่มีอัตรา
เด็กแรกเกิดถึง ๑๒ ปีเต็ม ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคครบตามตารางสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค สูงเป็นสามอันดับแรกของประเทศไทย
ประกอบกับมีรายงานจ�านวนเด็กที่เสียชีวิตจากโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน เช่น โรคคอตีบ เฉลี่ย ๓-๔ รายต่อปี ๒๐๕ รัฐจึงควร
หามาตรการ และ/หรือแนวทางในการสนับสนุน เพื่อให้ผู้ปกครองและเด็กในพื้นที่สามารถเข้าถึงสวัสดิการด้านสุขภาพได้อย่างเท่าเทียม
๔.๓ สถานการณ์เด็กข้ามชาติ
จากจ�านวนเด็กข้ามชาติ ๓๐๐,๐๐๐ - ๔๐๐,๐๐๐ คนใน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมาตรการในการก�าจัด
ประเทศไทย และแนวโน้มที่อาจเพิ่มมากขึ้นตามสถานการณ์ ช่องโหว่ที่ท�าให้เด็กข้ามชาติอยู่ในประเทศไทยโดยปราศจาก
ของแรงงานข้ามชาติ ๒๐๖ รัฐควรให้ความส�าคัญกับการมีฐาน เอกสารยืนยันตัวตน เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ข้อมูลเชิงสถิติของเด็กข้ามชาติในประเทศไทย ที่สามารถ ต่อเด็ก อาทิ การตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ การถูกแสวง
บ่งบอกถึงจ�านวนแท้จริงและครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ ประโยชน์ในลักษณะต่าง ๆ เป็นต้น และเป็นการช่วยให้รัฐมี
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสามารถท�าได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ข้อมูลในระดับพื้นฐานที่จะสามารถน�าไปพัฒนาระบบการจัดเก็บ
ครอบคลุมและเหมาะสม และรัฐจ�าเป็นต้องมีมาตรการที่ท�าให้ ฐานข้อมูลของเด็กข้ามชาติในภาพรวมต่อไป
การด�าเนินงานด้านการออกเอกสารต่างๆ ให้กับเด็กข้ามชาติ
๕.๒.๒ กลุ่มผู้หญิงและความเสมอภาคทางเพศ
๑ หลักการด้านสิทธิมนุษยชน
ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือก
ปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) โดยการภาคยานุวัติ
มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๒๘ โดยขณะเข้าเป็นภาคี
ได้ตั้งข้อสงวนต่อข้อบทต่าง ๆ จ�านวน ๗ ข้อ ปัจจุบันคงเหลือ
ข้อสงวน ๑ ข้อ คือ ข้อ ๒๙ การระงับการตีความการระงับข้อ
พิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ โดยเนื้อหาของอนุสัญญามี ๒ ส่วน
จ�านวน ๓๐ ข้อ ในส่วนแรก (ข้อ ๑-๑๖) เป็นสารบัญญัติว่าด้วย
สิทธิต่าง ๆ ของสตรี การขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี รวมทั้ง
การประกันว่าสตรีและบุรุษมีสิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติและดูแลจากรัฐ การป้องกันความรุนแรงต่อสตรีในสถานที่ท�างาน ความเท่าเทียม
อย่างเสมอภาคกัน โดยรัฐภาคีมีพันธกรณีส�าคัญที่จะต้องก�าหนด กันในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ การประกันความเป็นอิสระด้าน
มาตรการเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างบุรุษและสตรี ปรับรูป การเงินและความมั่นคง ด้านสังคม และการให้ความส�าคัญแก่สตรี
แบบทางสังคมและวัฒนธรรมเพื่อให้เอื้อต่อการขจัดการเลือกปฏิบัติ ในชนบท ความเท่าเทียมกันทางกฎหมาย โดยเฉพาะในด้านกฎหมาย
ต่อสตรี ปราบปรามการลักลอบค้าและแสวงหาประโยชน์ทางเพศ แพ่งและกฎหมายครอบครัว ซึ่งเป็นการประกันความเท่าเทียมกัน
จากสตรี ประกันความเท่าเทียมกันระหว่างบุรุษและสตรีในด้าน ในชีวิตส่วนบุคคล และส่วนที่ ๒ (ข้อ ๑๗-๓๐) เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
การเมือง เศรษฐกิจ และการด�ารงชีวิต ทั้งในระดับประเทศ การจัดตั้งและการด�าเนินงานของคณะกรรมการ การเสนอรายงาน
และระหว่างประเทศ เช่น สิทธิในการเลือกตั้ง การสนับสนุนให้ด�ารง ผลกระทบของอนุสัญญา และการก�าหนดมาตรการที่จ�าเป็น
ต�าแหน่งที่ส�าคัญ ความเท่าเทียมกันในกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ การลงนามเข้าเป็นภาคี การมีผลบังคับใช้ การแก้ไข การตั้งข้อสงวน
และการศึกษา การได้รับโอกาสในการจ้างงานที่เท่าเทียมกัน และการระงับข้อพิพาท
๒๐๔ อ้างอิงเนื้อหารายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ๒๕๕๘ สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หน้าที่
๒๐๕ Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ, “ความไม่สงบ และสถานการณ์สาธารณสุขที่ปัตตานี ปัญหาเรื้อรังที่ยังไร้ทางออก”,https://www.hfocus. org/content/2014/11/8682 (สืบค้นเมื่อ ๒๐
ตุลาคม ๒๕๕๙)
๒๐๖ กระทรวงแรงงาน, “จ�านวนแรงงานข้ามชาติที่ได้รับอนุญาตท�างานคงเหลือทั่วราชอาณาจักร”, http://wp.doe.go.th/ (สืบค้นเมื่อ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙)
133