Page 158 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 158

รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘



              มีชีวิต การอยู่รอด และการพัฒนาทางด้านจิตใจ อารมณ์ สังคม และ (๔) สิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเด็ก และการให้ความส�าคัญ

              กับความคิด ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กโดยการภาคยานุวัติ เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๓๕ และมีผลใช้บังคับ
              กับประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๓๕ โดยได้ตั้งข้อสงวนเมื่อเข้าเป็นภาคีไว้จ�านวน ๓ ข้อ ได้แก่ ข้อ ๗ เรื่องสถานะบุคคล ข้อ ๒๒ เรื่องสถานะ
              ผู้ลี้ภัย และ ข้อ ๒๙ การจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาเด็กให้เต็มตามศักยภาพ โดยต่อมา ประเทศไทยได้ถอนข้อสงวนของอนุสัญญา ๒ ข้อ
              คือ ข้อสงวนข้อ ๒๙ เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๔๐ และข้อสงวนข้อ ๗ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษา
              ความเป็นไปได้ในการถอนข้อสงวนข้อ ๒๒ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้เข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับว่าด้วยสิทธิเด็กจ�านวน ๓ ฉบับ
              คือ  พิธีสารเลือกรับฯ  เรื่อง  การขายเด็ก  การค้าประเวณี  และสื่อลามกเกี่ยวกับเด็ก  ซึ่งมุ่งประสงค์ในการขยายมาตรการที่รัฐภาคีควร
              ด�าเนินการเพื่อที่จะประกันการคุ้มครองเด็กจากการค้าเด็ก การค้าประเวณีเด็ก และสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก พิธีสารเลือกรับฯ เรื่อง
              ความเกี่ยวพันของเด็กในความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ โดยที่จะต้องมีมาตรการ ป้องกัน ติดตาม คุ้มครองไม่ให้เด็กเข้าไปอยู่ในสถานการณ์
              ความขัดแย้ง หรือสถานการณ์การสู้รบ และพิธีสารเลือกรับฯ เรื่องกระบวนการติดต่อร้องเรียน ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดที่ประเทศไทย

              ได้ลงนามและให้สัตยาบันเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๕ โดยพิธีสารฯ ดังกล่าวอนุญาตให้เด็ก กลุ่มเด็ก หรือตัวแทนของเด็กสามารถส่ง
              เรื่องร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้โดยตรงในกรณีที่ถูกละเมิดสิทธิ
              และไม่สามารถใช้กระบวนการที่มีอยู่ในประเทศในการได้รับความยุติธรรม



             ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ      พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นกฎหมายที่ตราขึ้น  บทที่ ๕ สถานการณ์สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเปราะบาง
             ต่อรายงานผลการด�าเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก    เพื่อให้ประเทศไทยมีการด�าเนินการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
             ฉบับที่ ๓ – ๔ คณะกรรมการฯ แสดงความเป็นห่วงกังวล      กับสิทธิเด็ก สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

             และขอให้ประเทศไทยด�าเนินการอย่างต่อเนื่องในด้านต่าง ๆ   และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก  โดยมีสาระส�าคัญ  ได้แก่
             เช่น (๑) ด้านการศึกษา ได้แก่ การเข้าเรียนในระบบการศึกษา   การก�าหนดขั้นตอนและปรับปรุงวิธีการปฏิบัติต่อเด็กให้
             การลดการออกจากโรงเรียนกลางคัน (๒) ด้านสุขภาพ ได้แก่   เหมาะสม เพื่อให้เด็กได้รับการอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน
             การให้การดูแลมารดาที่ตั้งครรภ์การขาดสารอาหารการเพิ่มอัตรา   และมีพัฒนาการที่เหมาะสมอันเป็นการส่งเสริมความมั่นคง
             การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว (๓) การคุ้มครองเด็กจากความ  ของสถาบันครอบครัว รวมทั้งป้องกันมิให้เด็กถูกทารุณกรรม
             รุนแรงทุกรูปแบบ (๔) การปกป้องคุ้มครองเด็กจากการแสวงหา  ตกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือ
             ประโยชน์ทางเพศ (๕) การศึกษาและแสดงข้อมูลแรงงานเด็ก    ถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม และการปรับปรุงวิธีการส่ง

             (๖) การตรวจแรงงานเพื่อติดตามและตรวจสอบเด็กที่ท�างาน    เสริมความร่วมมือในการคุ้มครองเด็กระหว่างหน่วยงานของรัฐ
             (๗) การจดทะเบียนเกิดของเด็กที่อยู่ในประเทศไทย (๘) การพัฒนา  และเอกชนให้เหมาะสม
             ระบบการเก็บข้อมูลที่ครอบคลุม และสามารถใช้ในการวิเคราะห์
             ประเมินความก้าวหน้าด้านสิทธิเด็ก และ (๙) การดูแลเด็กในพื้นที่
             จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น

             รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และ
             (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ได้ให้ความคุ้มครองศักดิ์ศรี
             ความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล
             โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
             ได้บัญญัติหลักการส�าคัญ ๆ หลายประการ ที่เป็นไปตามอนุสัญญา
             ว่าด้วยสิทธิเด็กไว้ในรัฐธรรมนูญ อาทิ การประกันสิทธิเด็ก

             ในด้านการศึกษา การอยู่รอดและได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย
             จิตใจ และสติปัญญา การคุ้มครองเด็กจากการใช้ความรุนแรงและ
             การปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม การคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน
             เป็นต้น




                                                                                                          128
   153   154   155   156   157   158   159   160   161   162   163