Page 98 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 98
โดยนัยดังกล่าว เฉพาะแต่องค์กรของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้นที่จะมีอ�านาจในการกระท�าหรือ
ด�าเนินมาตรการอันเป็นการยกเว้นหรือจ�ากัดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลได้ หากแต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการกระท�า
การตามที่อนุสัญญาแห่งยุโรปฯ ก�าหนดด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่ง ปัจเจกชนหรือเอกชนด้วยกันย่อมไม่มีอ�านาจที่จะกระท�าการอันเป็นการ
แทรกแซงสิทธิหรือเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคล ผลที่ตามมา ก็คือ การรับรองและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประการต่างๆ ดังที่
ก�าหนดไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและอนุสัญญาแห่งยุโรปฯ ย่อมใช้บังคับไม่เพียงแต่ใน “ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร
ของรัฐและเอกชน” เท่านั้น หากแต่ยังได้รับความคุ้มครองใน “ความสัมพันธ์ระหว่างเอกชน” ด้วยกันเองอีกด้วย แนวทางการตีความ
เช่นนี้ยังได้รับการยืนยันตามข้อ ๑๓ แห่งอนุสัญญาแห่งยุโรปฯ ซึ่งก�าหนดว่า “บุคคลทุกคนซึ่งสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของตน
ได้รับการคุ้มครองตามอนุสัญญานี้ถูกล่วงละเมิด มีสิทธิที่จะฟ้องคดีต่อศาลแห่งรัฐของตน แม้ว่าการล่วงละเมิดนั้นจะกระท�าขึ้น
โดยบุคคลซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่ของตนก็ตาม” ดังนั้น หากองค์กรของรัฐจะกระท�าการอันเป็นการยกเว้นหรือจ�ากัดสิทธิและเสรีภาพ
ขั้นพื้นฐานของบุคคลจะต้องกระท�าตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการกระท�าการดังจะได้กล่าวต่อไปแล้ว การกระท�าการอันเป็นการแทรกแซง
สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลหนึ่งโดยบุคคลอีกคนหนึ่งย่อมจะกระท�ามิได้ยิ่งกว่า
ดังนั้น นอกจากรัฐภาคีแห่งอนุสัญญาแห่งยุโรปฯ จะมีหน้าที่จะต้องเคารพสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
ของบุคคลในประการต่างๆ ที่ได้รับการคุ้มครองในอนุสัญญานี้ โดยจะต้องไม่กระท�าการใดๆ อันเป็นการแทรกแซงโดยมิชอบหรือ
ล่วงละเมิดสิทธิและเสรีภาพเหล่านั้น (negative obligation) แล้ว รัฐภาคียังมีหน้าที่จะต้องด�าเนินมาตรการให้ปัจเจกชนทุกคนเคารพ
176
ต่อสิทธิดังกล่าวด้วยเช่นกัน (positive obligation) ทั้งในรูปมาตรการคุ้มครองทางแพ่งและมาตรการคุ้มครองทางอาญาตามความ
เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าองค์กรของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถกระท�าการอันเป็นข้อยกเว้นหรือ
ข้อจ�ากัดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลได้ แต่ก็มิได้หมายความว่าองค์กรของรัฐจะกระท�าการหรือก�าหนดมาตรการเป็นประการใด
ก็ได้ หากแต่ต้องกระท�าตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการกระท�าอันเป็นการแทรกแซงสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานด้วย
เงื่อนไขเกี่ยวกับการกระท�าอันเป็นการแทรกแซงสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคล
การด�าเนินมาตรการขององค์กรของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเป็นการแทรกแซงสิทธิและเสรีภาพ
ของบุคคล ซึ่งจะถือเป็นการกระท�าโดยชอบอันเข้าข้อยกเว้นหรือข้อจ�ากัดในแต่ละกรณีตามที่ก�าหนดไว้ในอนุสัญญาแห่งยุโรปฯ นั้น
การด�าเนินมาตรการเช่นนั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขต่างๆ เกี่ยวกับการกระท�าอันเป็นการแทรกแซงสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของ
บุคคลอีกด้วย ซึ่งประกอบด้วยเงื่อนไขส�าคัญสามประการประกอบกัน ได้แก่
ประการที่หนึ่ง การด�าเนินมาตรการนั้นมีกฎหมายบัญญัติให้กระท�าได้
เมื่อพิจารณาข้อยกเว้นหรือข้อจ�ากัดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลในกรณีต่างๆ ดังกล่าว
ข้างต้นแล้ว จะเห็นได้ว่าแทบจะทุกกรณี การด�าเนินมาตรการขององค์กรของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเป็นข้อยกเว้นหรือข้อจ�ากัดต่อ
สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานจะกระท�าได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายก�าหนดให้กระท�าได้เท่านั้น ทั้งนี้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องย่อมจะก�าหนดหลัก
เกณฑ์ที่องค์กรของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจะสามารถกระท�าการหรือด�าเนินมาตรการอันเป็นการขัดหรือจ�ากัดสิทธิและเสรีภาพขั้น
พื้นฐานของบุคคลได้ อีกทั้งยังมักจะก�าหนดเงื่อนไขและวิธีการกระท�าการหรือด�าเนินมาตรการเช่นนั้นไว้โดยชัดแจ้งอีกด้วย
เหตุผลที่การกระท�าขององค์กรของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเป็นการขัดหรือจ�ากัดสิทธิและเสรีภาพ
ขั้นพื้นฐานของบุคคลจะต้องมีกฎหมายก�าหนดหรืออนุญาตให้กระท�าได้นั้น ย่อมตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “หลักความโปร่งใส” กล่าวคือ
นอกจากกระบวนการในการตรากฎหมายจะได้ผ่านการกลั่นกรองขององค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมแล้ว บุคคลทุกคนยัง
สามารถที่จะตรวจดูหรือรับทราบข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่จะใช้บังคับแก่ตน และยังสามารถคาดหมายล่วงหน้า
ได้ถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ตนจากการใช้บังคับกฎหมายนั้น
176
M.-A. EISSEN, La Convention et les devoirs de l’individu dans la protection internationale des droits de l’homme dans le cadre
européen, 1967. pp. 176-177.
77
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖