Page 71 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 71

ไม่ท�าการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์  (forensic  science  analysis)  เกี่ยวกับเลือดและเอกลักษณ์ของบุคคล  (DNA)  ที่ตรวจพบ

               เพื่อเปรียบเทียบกับเอกลักษณ์ของบุคคล  (DNA)  ของบุคคลในครอบครัวของผู้สูญหาย  และท�าให้ปลอกกระสุนซึ่งเป็นหลักฐานส�าคัญ
               แห่งคดีสูญหายไป  ยิ่งกว่านั้น  ยังปรากฏหลักฐานถึงขนาดที่เจ้าหน้าที่ของรัฐท�าหลักฐานอันเป็นเท็จขึ้นมาเองด้วย  โดยการกล่าวเท็จ

               ว่าเจ้าหน้าที่ต�ารวจได้สัมภาษณ์ญาติคนหนึ่งของผู้สูญหาย  และท�าบันทึกการสัมภาษณ์เป็นเท็จ  เนื่องจากไม่ปรากฏว่ามีญาติของผู้
               สูญหายได้ให้สัมภาษณ์แก่เจ้าหน้าที่ต�ารวจเลยแต่อย่างใด
                                       ดังนั้น  เมื่อได้พิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆ  ที่เกิดขึ้นในกรณีต่างๆ  ของการสูญหายของประชาชนชาว

               เม็กซิโกจ�านวนมากมายดังที่ได้กล่าวข้างต้น ประกอบกับเงื่อนไขของกรณีการสูญหายของบุคคลที่จะมีลักษณะเป็นการบังคับบุคคล
               ให้สูญหายตามนัยแห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย  ค.ศ.  ๒๐๐๖  ดังกล่าวข้างต้นแล้ว
               จึงกล่าวได้ว่ากรณีการสูญหายของประชาชนชาวเม็กซิโกจ�านวนมหาศาลนั้นเป็นกรณีของ  “การบังคับบุคคลให้สูญหาย”  อย่างแท้จริง

               และ “มิใช่” เป็นเพียงการท�าให้บุคคลสูญหายเป็นการเฉพาะรายหรือเฉพาะกรณีอันเป็นเพียงการกระท�าความผิดอาญาทั่วไป
               แต่อย่างใด เนื่องจากกรณีการสูญหายของบุคคลต่างๆ  เหล่านั้นเข้าเงื่อนไขทั้งสามประการของการกระท�าอันมีลักษณะเป็นการบังคับ
               บุคคลให้สูญหาย ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับผู้กระท�า ลักษณะของการกระท�า และผลของการกระท�า กรณีจึงเป็นการก่อ “อาชญากรรม

               ร้ายแรง” และเป็นการกระท�าอันเป็น “การละเมิดสิทธิมนุษยชน” ซึ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาดตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ
                                       อนึ่ง  หากการท�าให้บุคคลสูญหายเป็นการเฉพาะรายหรือเฉพาะกรณี  “Disappearance”  ก็ต้อง

               เป็นการจับตัวหรือการกระท�าที่ลิดรอนเสรีภาพอันขัดต่อความประสงค์ของบุคคลผู้เป็นเป้าหมาย และต้องมีการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับ
               ชะตากรรมหรือสถานที่อยู่ของบุคคลนั้นด้วยเช่นกัน  ในท�านองเดียวกับการบังคับบุคคลให้สูญหาย  แต่อย่างไรก็ตาม  ข้อแตกต่าง
               ประการส�าคัญ  คือ  การท�าให้บุคคลสูญหายเป็นการเฉพาะรายเป็นการกระท�าโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคล  โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ

               เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแต่ประการใด  ในทางตรงกันข้าม  หากเจ้าหน้าที่ของรัฐกระท�าการนั้นเองหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระท�านั้น
               ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมแล้ว การกระท�านั้นย่อมมีลักษณะเป็นการบังคับบุคคลให้สูญหาย กล่าวอีกนัยหนึ่งการสูญหายของบุคคล

               ในกรณีทั่วไปย่อมประกอบด้วยเงื่อนไขเพียงสองประการจากเงื่อนไขทั้งหมดสามประการดังกล่าวข้างต้นเท่านั้น
                                       ยิ่งกว่านั้น หากพิจารณาบริบทและผลกระทบของการปฏิบัติการหรือการด�าเนินการของเจ้าหน้าที่
               ของรัฐหรือการมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ  “ในองค์รวม”  ดังที่ได้ยกตัวอย่างให้เห็นข้างต้นแล้ว  อาจกล่าวได้ว่าการปฏิบัติการหรือ

               การด�าเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ตามนโยบายท�าสงครามกับยาเสพติดของรัฐบาลนายเฟลิเป้  คาลเดรอน  และน�ามาซึ่งการสูญหายไป
               ของประชาชนชาวเม็กซิโกเป็นจ�านวนมหาศาลในกรณีต่างๆ  นั้น  “มิใช่”  เพียงการบังคับบุคคลให้สูญหายเท่านั้น  “หากแต่”  ยังมี
               “ลักษณะพิเศษ” ที่ “ยกระดับ” การบังคับบุคคลให้สูญหายที่เกิดขึ้นนั้นให้มีลักษณะเป็นการก่อ “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” (Crime

               against  humanity)  ซึ่งเป็นการก่อ  “อาชญากรรมที่ร้ายแรง”  และ  “ต้องห้ามโดยเด็ดขาด”  ตามธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญา
               ระหว่างประเทศ (Rome Statute of the International Criminal Court) (ธรรมนูญกรุงโรมฯ) อีกด้วย เนื่องจากเข้าเงื่อนไขทั้งสาม
                                                                        82
               ประการของการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติตามนัยแห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ  กล่าวคือ
                                       ประการที่หนึ่ง  เป็นการโจมตี  (Attack)  หรือการใช้ก�าลังหรืออาวุธในการด�าเนินการของเจ้าหน้าที่
               ของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนร่วมในการกระท�า อันเนื่องมาจากนโยบายของรัฐหรือองค์กรของรัฐ

                                       ประการที่สอง  เป็นการโจมตีซึ่งมีพลเรือนเป็นเป้าหมาย
                                       ประการที่สาม การโจมตีนั้นได้กระท�าอย่างแพร่หลายในวงกว้าง  กระท�าอย่างต่อเนื่อง และกระท�า
               อย่างเป็นระบบ ซึ่งจะได้กล่าวในรายละเอียดต่อไป






                       82
                          Article 7 (1), Rome Statute of the International Criminal Court


               50
               ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76