Page 67 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 67

(๒) สถานะทางกฎหมายของการด�าเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเป็นเหตุให้บุคคลสูญหายเป็น
               จ�านวนมาก
                                  การปฏิบัติการหรือการด�าเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการกวาดล้างยาเสพติดตามนโยบายท�าสงคราม

               กับยาเสพติดของนายเฟลิเป้  คาลเดรอน  ประธานาธิบดีแห่งเม็กซิโก  น�ามาซึ่งการสูญหายไปของบุคคลหรือประชาชนชาวเม็กซิโกเป็น
               จ�านวนมาก โดยเป็นการปฏิบัติการหรือการด�าเนินการอย่างแพร่หลายในวงกว้างและอย่างเป็นระบบ ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น ปัญหาที่
               จะต้องพิจารณาต่อมา ก็คือ การด�าเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเป็นเหตุให้บุคคลสูญหายเป็นจ�านวนมากมี “ลักษณะเฉพาะ” หรือ

               “สถานะทางกฎหมาย” อย่างไร และน�ามาซึ่ง “ผลทางกฎหมาย” อย่างไร กล่าวคือ กรณีเป็นการท�าให้บุคคลสูญหายเฉพาะรายหรือ
               เฉพาะกรณี (disappearance) หรือเป็นการบังคับบุคคลให้สูญหาย (enforced disappearance)
                                  (๒.๑) ลักษณะพื้นฐานของการท�าให้บุคคลสูญหายอันเป็นการกระท�าเฉพาะรายและการกระท�าอันเป็นการ

               บังคับบุคคลให้สูญหาย
                                       กรณีการสูญหายไปของบุคคลต่างๆ ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น เป็นกรณีที่บุคคลหรือประชาชน

               พลเมืองทั่วไปของประเทศเม็กซิโกได้ถูกจับตัวหรือควบคุมตัวไปโดยบุคคลหนึ่งหรือหลายคน  โดยปราศจากเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมาย
               อีกทั้งในหลายๆ  กรณีผู้ปฏิบัติการหรือด�าเนินการมีการติดอาวุธหรือใช้ก�าลังในระหว่างการปฏิบัติการหรือการด�าเนินการเพื่อวัตถุประสงค์
               ดังกล่าวด้วย  กรณีการสูญหายไปของบุคคลต่างๆ  จึงล้วนแต่เป็นกรณีที่บุคคลหนึ่งหรือหลายคนถูกควบคุมตัวหรือจับตัวไปโดย  “ขัดขืน”

               หรือ “ฝ่าฝืน” ต่อความประสงค์ของบุคคลนั้น (against their will) กรณีจึงอาจเป็นไปทั้งการท�าให้บุคคลสูญหายอันเป็นการกระท�า
               เฉพาะรายไป และการกระท�าอันเป็นการบังคับบุคคลให้สูญหาย

                                       อย่างไรก็ตาม  หากพิจารณาลงไปให้ละเอียดแล้ว  จะเห็นได้ว่ากรณีการสูญหายไปของบุคคลทั้งหลาย
               ในแต่ละกรณีต่างๆ  ดังกล่าวข้างต้น  แสดงให้เห็นถึง  “ลักษณะเฉพาะ”  ของการด�าเนินการในหลายประการดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น
               อันสะท้อนถึงการกระท�าอันเป็น “การบังคับบุคคลให้สูญหาย” “ยิ่งกว่า” การท�าให้บุคคลสูญหายในลักษณะของการกระท�าเฉพาะ

               รายหรือเฉพาะกรณี (isolated cases) ที่ไม่มีความเกี่ยวพันหรือเกี่ยวเนื่องกับกรณีอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจ�าเป็นที่จะต้องพิจารณา
               ลักษณะที่แตกต่างกันระหว่างการท�าให้บุคคลสูญหายอันเป็นการกระท�าเฉพาะราย และการกระท�าอันเป็นการบังคับบุคคลให้สูญหาย
                                  (๒.๒) ลักษณะที่แตกต่างกันระหว่างการท�าให้บุคคลสูญหายและการบังคับบุคคลให้สูญหาย

                                       การกระท�าอันเป็น “การบังคับบุคคลให้สูญหาย” (enforced disapperance) เป็นการก่ออาชญากรรม
               ร้ายแรง  (a  serious  crime)  อันเป็นการกระท�าความผิดที่ต้องห้ามตามกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ  (customary
               international  law)  และมีรากฐานมาจากกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน  (international  human  rights  law)

               และกฎหมายเกี่ยวกับมนุษยชาติ (humanitarian law) โดยนัยดังกล่าว การบังคับบุคคลให้สูญหายนอกจากจะเป็นการกระท�าอันเป็น
               การละเมิดสิทธิมนุษยชนตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแล้ว การก่ออาชญากรรมเช่นนั้นยังเป็นการขัดต่อกฎเกณฑ์หรือ

               กฎหมายระหว่างประเทศหลายฉบับในเวลาเดียวกัน  ไม่ว่าจะเป็นปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน  (Universal  Declaration  of
               Human Rights) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (the International Covenant on Civil and
               Political Rights - ICCPR)  และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปฏิญญาแห่งสหประชาชาติ  ว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย
                                                                                                       78
               ค.ศ. ๑๙๙๒ (The Declaration on the Protection of All Persons from Enforced Disappearance 1992)  และปัจจุบัน
               ได้แก่ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย ค.ศ. ๒๐๐๖ (The International Convention

               for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance 2006) และยังมีอนุสัญญา Inter- American ว่าด้วยการ
               บังคับบุคคลให้สูญหาย ค.ศ. ๑๙๙๔ (Inter-American Convention on Forced Disappearance of Persons) อีกด้วย




                       78
                         ปฏิญญาดังกล่าวได้รับการรับรองจากที่ประชุมใหญ่แห่งสหประชาชาติ (the General Assembly of the United Nations) ตามมติที่ ๔๗/๑๓๓
               เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๙๒; G.A. res. 47/133, 47 U.N. GAOR Supp. (No. 49) at 207, U.N. Doc. A/47/49 (1992).


               46
               ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72