Page 68 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 68

นอกจากนี้  การกระท�าอันเป็นการบังคับบุคคลให้สูญหายยังอาจมีลักษณะเป็นการก่อ  “อำชญำกรรม
                                                    79
                  ต่อมนุษยชำติ” (Crime against humanity)  อันเป็นการต้องห้ามตามธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (Rome
                  Statute of the International Criminal Court) (ธรรมนูญกรุงโรมฯ) อีกด้วย หากเข้าเงื่อนไขต่างๆ ตามที่ก�าหนดไว้ในธรรมนูญ
                  กรุงโรมฯ  ทั้งนี้  กฎหมายหรือกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศทั้งสามฉบับดังกล่าวมีผลใช้บังคับทั้งภายในประเทศของรัฐภาคี  และในระดับ

                  ระหว่างประเทศด้วย

                                          ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย ค.ศ. ๒๐๐๖
                  “กำรสูญหำยโดยถูกบังคับ” (Enforced or Involuntary Disappearance) หมายถึง “กำรจับกุม กำรคุมขัง กำรลักพำตัว หรือกำร

                  ลิดรอนเสรีภำพในรูปแบบอย่ำงอื่น  โดยเจ้ำหน้ำที่  หรือโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลซึ่งกระท�ำโดยได้รับอนุญำต  กำรสนับสนุน  หรือกำร
                  ยอมรับของรัฐ  ติดตำมด้วยกำรปฏิเสธที่จะรับรู้กำรลิดรอนเสรีภำพดังกล่ำว  หรือด้วยกำรปกปิดชะตำกรรมหรือที่อยู่ของผู้สูญหำย  ซึ่ง
                  ท�ำให้ผู้สูญหำยอยู่นอกกำรคุ้มครองของกฎหมำย” 80

                                          ในขณะที่อนุสัญญา Inter-American ว่าด้วยการบังคับบุคคลให้สูญหาย ค.ศ. ๑๙๙๔ “กำรสูญหำย
                  โดยถูกบังคับ”  (a  forced  disappearance)  หมายถึง  “กำรกระท�ำอันเป็นกำรลิดรอนเสรีภำพของบุคคลคนหนึ่งหรือหลำยคน
                  ไม่ว่ำโดยวิธีกำรใดๆ  ซึ่งกระท�ำโดยเจ้ำหน้ำที่ของรัฐ  หรือโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่กระท�ำโดยได้รับอนุญำต  กำรสนับสนุน  หรือกำร

                  ยอมรับของรัฐ ติดตำมด้วยกำรไม่มีข้อมูลหรือกำรปฏิเสธกำรรับรู้เกี่ยวกับกำรลิดรอนเสรีภำพเช่นนั้น หรือกำรปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล
                  เกี่ยวกับสถำนที่อยู่ของบุคคลนั้น  ซึ่งขัดขวำงมิให้บุคคลนั้นได้รับควำมช่วยเหลือตำมหลักประกันเกี่ยวกับกำรเยียวยำและกระบวนกำร
                                   81
                  ที่รับรองโดยกฎหมำย”
                                          เมื่อได้พิจารณานิยามของการบังคับให้บุคคลสูญหายตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการ
                  การคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย ค.ศ. ๒๐๐๖ จะเห็นได้ว่าการบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นการกระท�าโดยผู้ใช้อ�านาจรัฐหรือ

                  ผู้มีอ�านาจรัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง  ในการควบคุมตัวหรือลักพาตัวปัจเจกชนไป  และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจะปฏิเสธว่ามิได้ควบคุมตัวหรือ
                  ลักพาตัวบุคคลที่ครอบครัวก�าลังตามหาตัวอยู่  หรือปกปิดสถานที่อยู่หรือชะตากรรมของบุคคลที่ถูกควบคุมตัวหรือลักพาตัวมา  ก่อนที่
                  บุคคลนั้นจะหายสาบสูญไปโดยไม่มีบุคคลใดทราบถึงสถานที่อยู่หรือชะตากรรมของบุคคลนั้น หากแต่ในระหว่างนั้น ผู้ถูกควบคุมตัว

                  หรือลักพาตัวไปอาจถูกทรมานและฆ่าตายในที่สุด เป็นผลให้ผู้ก่ออาชญากรรมเช่นนั้นไม่ต้องรับผิดใดๆ เนื่องจากไม่ปรากฏศพของ
                  บุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหายนั้น (climate of impunity)

                                          ดังนั้น กรณีการสูญหายของบุคคลจะมีลักษณะเป็นการบังคับบุคคลให้สูญหายตามนัยดังกล่าวจึงต้อง
                  ประกอบด้วยเงื่อนไขส�าคัญสามประการประกอบกัน ได้แก่ ผู้กระท�า ลักษณะของการกระท�า และผลของการกระท�า





                         79
                           Rome Statute of the International Criminal Court, Article 5, par. 1 (b) and Article 7, par. 1 (i)
                         80
                           International Convention for the Protection of all Persons from Enforced Disappearance 2006, Article 2. “For the purposes
                  of this Convention, “enforced disappearance” is considered to be the arrest, detention, abduction or any other form of deprivation of
                  liberty by agents of the State or by persons or groups of persons acting with the authorization, support or acquiescence of the State,

                  followed by a refusal to acknowledge the deprivation of liberty or by concealment of the fate or whereabouts of the disappeared
                  person, which place such a person outside the protection of the law”.
                         81
                            Inter-American Convention on Forced Disappearance of Persons 1994, Article 2. “For the purposes of this Convention, “forced
                  disappearance” is considered to be the act of depriving a person or persons of his or their freedom, in whatever way, perpetrated by
                  agents of the state or by persons or groups of persons acting with the authorization, support or acquiescence of the state, followed by

                  an absence of information or a refusal to acknowledge that deprivation of freedom or to give information on the whereabouts of that
                  person, thereby impeding his or her recourse to the applicable legal remedies and procedural guarantees.”
                                                                                                                   47
                                    ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73