Page 183 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 183
ตามข้อ ๒๕ วรรคสองและวรรคสาม ของธรรมนูญกรุงโรมฯ ก�าหนดให้บุคคลต้องรับผิดทางอาญาและรับ
โทษตามที่ก�าหนดไว้ในธรรมนูญนี้ เมื่อบุคคลที่ก่ออาชญากรรมภายในเขตอ�านาจของศาล บุคคลนั้นต้องรับผิดชอบในการกระท�าของ
ตนและอาจต้องรับโทษตามธรรมนูญนี้ ทั้งนี้ บุคคลต้องรับผิดทางอาญาและอาจต้องรับโทษ หากบุคคลนั้น
• ประกอบอาชญากรรมไม่ว่าจะกระท�าคนเดียว ร่วมกระท�ากับบุคคลอื่น หรือผ่านทางบุคคลอื่น
• สั่งการ ขอร้องหรือชักจูงให้มีการประกอบอาชญากรรมเช่นนั้นซึ่งได้เกิดขึ้นจริงหรือถึงขั้นพยายามแล้ว
• ให้การสนับสนุน ยุยงหรือช่วยเหลืออื่นใด ในการประกอบอาชญากรรมหรือพยายามประกอบ
อาชญากรรมนั้น รวมทั้งหาวิธีการส�าหรับการประกอบอาชญากรรม เพื่ออ�านวยความสะดวกต่อการประกอบอาชญากรรมนั้น
• มีส่วนในการประกอบอาชญากรรมหรือพยายามประกอบอาชญากรรมนั้นไม่ว่าทางหนึ่งทางใดโดยกลุ่ม
บุคคลที่กระท�าด้วยความมุ่งประสงค์ร่วมกัน ทั้งนี้ การมีส่วนเช่นนั้นจะต้องเป็นไปโดยเจตนา และมุ่งหมายที่จะสนับสนุนกิจกรรมทาง
อาชญากรรมหรือให้บรรลุความมุ่งประสงค์ทางอาชญากรรมของกลุ่ม หรือรู้ถึงเจตนาของกลุ่มที่จะประกอบอาชญากรรม
นอกจากนี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกิจ International Criminal Tribunal for Former
Yugoslavia ได้เคยวางหลักความรับผิดทางอาญาของบุคคลไว้ ความว่า “ผู้กระท�าผิด คือ บุคคลซึ่งเป็นทั้งผู้วางแผน ผู้สั่งการ ให้ความ
ช่วยเหลือ ชักจูงใจในการเตรียมการหรือลงมือก่ออาชญากรรมตามที่ระบุไว้ในธรรมนูญนี้ แม้ว่าบุคคลนั้นจะมีต�าแหน่งเป็นประมุข
ของรัฐ หรือรัฐบาล หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลก็ไม่อาจยกขึ้นอ้างเพื่อท�าให้ความรับผิดในการประกอบอาชญากรรมลดลงไปได้
ทั้งนี้ รวมถึงการกระท�าใดของผู้บังคับบัญชา ที่ผู้บังคับบัญชาไม่อาจหลุดพ้นความรับผิดทางอาญาได้ ถ้าหากเขารู้หรือมีเหตุผลอัน
ควรจะรู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาอาจก่ออาชญากรรม และไมได้ป้องกันให้กระท�าการนั้น”
รูปแบบการกระท�าความผิดของผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศจึงสามารถแบ่งออกเป็นสอง
กรณี ได้แก่
กรณีที่หนึ่ง:
ผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงกระท�าความผิดร่วมกับบุคคลอื่นหรือโดยผ่านบุคคลอื่น เป็นกรณีบุคคลกระท�า
ความผิดอาญาร้ายแรงตามที่ก�าหนดในธรรมนูญกรุงโรมฯ โดยร่วมกระท�ากับบุคคลอื่นหรือผ่านทางบุคคลอื่น (committing through
another person) ไม่ว่าบุคคลอื่นจะต้องรับผิดทางอาญาหรือไม่ ความรับผิดในกรณีนี้เป็นกรณีของผู้ก�าหนดนโยบายอันน�ามาซึ่ง
การก่ออาชญากรรมร้ายแรง กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ผู้ก�าหนดนโยบายเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใดนั้นจะมิได้เป็นผู้ลงมือกระท�าความผิด
อันเป็นอาชญากรรมร้ายแรงนั้นด้วยตนเอง แต่หากผู้นั้นสามารถควบคุมเจตนา (Control the will) ของบุคคลอื่นที่ร่วมกระท�า
ความผิดอาญาอันเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรมร้ายแรงตามธรรมนูญกรุงโรมฯ ได้ จนการก่ออาชญากรรมนั้นส�าเร็จ อันเป็นเจตนา
ของผู้ก�าหนดนโยบายนั้น มิใช่เจตนาของบุคคลที่กระท�าความผิดอาญานั้นๆ เองแต่อย่างใด ก็ย่อมถือว่าผู้ก�าหนดนโยบายนั้นกระท�า
หรือก่ออาชญากรรมร้ายแรงตามที่ก�าหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ และต้องรับผิดชอบทางอาญาต่อการก่ออาชญากรรมร้ายแรง
เช่นนั้น และต้องรับโทษตามธรรมนูญกรุงโรมฯ ในขณะที่บุคคลทั้งหลายที่กระท�าความผิดอาญาในลักษณะต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของ
การก่ออาชญากรรมร้ายแรงนั้น ย่อมมีความรับผิดในฐานะเป็นผู้สั่งการ ให้การสนับสนุน หรือช่วยเหลือในการประกอบอาชญากรรม
ที่ร้ายแรงนั้น หรือมีความรับผิดทางอาญาส�าหรับฐานความผิดทางอาญานั้นๆ แล้วแต่กรณี
427
ตัวอย่างเช่น คดี Thomas Lubanga Dyilo
นาย Thomas Lubanga Dyilo เป็นสมาชิกและหนึ่งในผู้ก่อตั้ง “สหภาพรักบ้านเกิดแห่งคองโก”
(l’Union des patriotes congolais - UPC) เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ค.ศ. ๒๐๐๐ และได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นประธานกลุ่ม
ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น กลุ่มรักบ้านเกิดแห่งคองโกและหน่วยงานสาขาทางทหารของสหภาพซึ่งมีชื่อเรียกว่า “กองก�าลังรักบ้านเกิด
เพื่อเสรีภาพแห่งคองโก” (la Force patriotique pour la libération du Congo - FPLC) ได้เข้ายึดอ�านาจในเมือง Ituri ใน
427
โปรดดู http://www.icc-cpi.int/en_menus/icc/situations
162
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖