Page 187 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 187

กรณีที่สอง:
                                    ผู้ก่ออาชญากรรมโดยกระท�าความผิดร่วมกัน  เป็นกรณีบุคคลหลายคนกระท�าความผิดอาญาร่วมกันหรือ

               มีมากกว่าหนึ่งคน (Plurality of persons) และมีการวางแผนการกระท�าความผิดหรือก่ออาชญากรรมร่วมกัน (Common plan) โดย
               ผู้กระท�าความผิดแต่ละคนต่างมีเจตนาหรือมูลเหตุจูงใจที่จะประกอบอาชญากรรมนั้นเป็นของตนเอง  (Contribution)  หรือมีเจตนา
               ร่วมกันที่จะก่ออาชญากรรมนั้น (joint control) เมื่อการก่ออาชญากรรมนั้นได้กระท�าส�าเร็จหรือพยายามประกอบอาชญากรรมนั้น

               บุคคลเหล่านั้นจะต้องรับผิดเป็นการส่วนบุคคลส�าหรับอาชญากรรมที่กระท�าร่วมกันนั้น
                                    เมื่อได้พิจารณารูปแบบของความรับผิดของบุคคลที่ต้องรับผิดชอบในสองกรณีดังกล่าวข้างต้นแล้ว
               ประกอบกับข้อเท็จจริงและสภาพการณ์โดยรวมของการด�าเนินนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

               ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ จะเห็นได้ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งเป็น “ผู้ก�าหนดนโยบาย” ในการประกาศ
               สงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดและประกาศนโยบายดังกล่าว  ตลอดจนก�าหนดระยะเวลาปฏิบัติการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตาม
               นโยบายดังกล่าว  อีกทั้งยังเป็น  “ผู้สั่งการ”  ให้บุคคลฝ่ายต่างๆ  รับไปปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบายในการประกาศสงครามต่อสู้

               เพื่อเอาชนะยาเสพติดของรัฐบาลอย่างเคร่งครัดและพร้อมท�าให้เจ้าหน้าที่ตกอยู่ในภาวะกดดันอย่างรุนแรงที่จะต้องปฏิบัติให้เป็น
               ไปตามนโยบายดังกล่าวให้มากที่สุดและรวดเร็วที่สุด โดยการมอบหมายและชี้แจงนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดต่อหัวหน้า

               หน่วยงานและผู้บริหารระดับสูงของฝ่ายปกครองระดับต่างๆ ซึ่งเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าการมอบหมายหน้าที่แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
               ต่างๆ ดังกล่าว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร “ก�าหนดแนวทาง” การปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวซึ่งมีลักษณะของ “การชักจูง” ให้ใช้
               ความรุนแรงในการปฏิบัติการอย่างและไร้ความปรานี  อันน�าไปสู่การกระท�าความผิดทางอาญาต่างๆ  ซ�้าแล้วซ�้าเล่า  โดยเฉพาะ

               อย่างยิ่ง  การก่อให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิต  ร่างกาย  และทรัพย์สินของประชากรพลเรือนเป็นจ�านวนมาก  ครอบคลุมทุกภูมิภาคของ
               ประเทศไทย นอกจากนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ยังเคย “กล่าวยอมรับ” ว่า “การด�าเนินนโยบายดังกล่าวอาจท�าให้มีคนเสียชีวิต

               บ้างก็เป็นเรื่องปกติ” อันแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ผู้ก�าหนดนโยบายดังกล่าว “รู้ถึง” การฆาตกรรมหรือการเสียชีวิต
               ของประชากรพลเรือนที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางจากการด�าเนินนโยบายของตนเอง และมิได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาความผิดพลาด
               ที่เกิดขึ้นนั้นแต่อย่างใด กรณีจึงกล่าวได้ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นผู้ก�าหนดนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดอันน�ามาสู่

               ความผิดพลาดอย่างร้ายแรงในการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว  เป็นผู้ต้องรับผิดชอบต่อการก�าหนดและการด�าเนินนโยบายดังกล่าว
               อันน�ามาซึ่งการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติแก่ประชากรพลเรือนอย่างกว้างขวางและอย่างรุนแรง  ในลักษณะที่เป็นผู้ก่ออาชญากรรม
               ดังกล่าวร่วมกับบุคคลอื่นและโดยผ่านบุคคลอื่นด้วย เนื่องจาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร สามารถก�าหนดและควบคุมเจตนาของบุคคล

               ทั้งหลายที่กระท�าความผิดทางอาญาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายที่ตนก�าหนด  จนกระทั่งการก่ออาชญากรรมร้ายแรงได้กระท�า
               จนส�าเร็จ  ตามเจตนาของ  พ.ต.ท.  ทักษิณ  ชินวัตร  ผู้ก�าหนดนโยบายดังกล่าว  พ.ต.ท.  ทักษิณ  ชินวัตร  จึงเป็นผู้ก่ออาชญากรรม
               ต่อมนุษยชาติอันเป็นการก่ออาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศ และจะต้องได้รับโทษตามธรรมนูญกรุงโรมฯ

                                    ส�าหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งหลายที่มีส่วนในการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น
               เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่เป็นข้าราชการประจ�าหรือเจ้าหน้าที่ต�ารวจในระดับต่างๆ ก็ต้องรับผิดทางอาญาและอาจต้องรับโทษ

               ในอาชญากรรมนั้น  หากเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเช่นว่านั้นเป็นไป  โดยเจตนาและมุ่งหมายที่จะสนับสนุนกิจกรรมทางอาชญากรรมหรือให้
               บรรลุความมุ่งประสงค์ทางอาชญากรรมของกลุ่มหรือรู้ถึงเจตนาของกลุ่มที่ประกอบอาชญากรรมนั้น  โดยนัยดังกล่าว  เจ้าหน้าที่ฝ่าย
               ปกครองระดับสูงขององค์กรต่างๆ ของรัฐซึ่งออกค�าสั่งการต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ระดับล่างปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบาย ย่อมมี

               ส่วนในการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ  และการมีส่วนเช่นนั้นเป็นไปโดยเจตนาและมุ่งหมายที่จะสนับสนุนการก่ออาชญากรรมนั้น
               หรือเพื่อให้บรรลุความมุ่งประสงค์ในการก่ออาชญากรรมเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐเหล่านี้จึงกระท�าความผิดอาญาในฐานะผู้ร่วม

               ก่ออาชญากรรม  (ตัวการ)  ในขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับล่างที่รับค�าสั่งมาและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
               ในการปราบปรามยาเสพติด การมีส่วนในการประกอบอาชญากรรมดังกล่าวมิได้เป็นไปโดยเจตนา การกระท�าในส่วนของตนมิได้
               เป็นไปโดยมุ่งหมายให้การสนับสนุนการประกอบอาชญากรรมนั้น หรือเพื่อให้บรรลุความมุ่งประสงค์ของอาชญากรรมดังกล่าว





               166
               ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
   182   183   184   185   186   187   188   189   190   191   192