Page 179 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 179

ประเทศทั้งสองฉบับดังกล่าวมีผลใช้บังคับทั้งภายในประเทศของรัฐภาคี  และในระดับระหว่างประเทศด้วย  ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น
               ตามเรื่องร้องเรียนหลายๆ  เรื่อง  ในการด�าเนินนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด  มีบุคคลเป้าหมาย

               จ�านวนไม่น้อยในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวเขากลุ่มชาติพันธุ์ได้ “ถูกอุ้มหาย” หรือ “สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย” และยัง
               ไม่ทราบชะตากรรมจนกระทั่งในปัจจุบัน กรณีจึงมีปัญหาที่จะต้องพิจารณาในที่นี้ คือ การด�าเนินนโยบายของรัฐบาลซึ่งมี พ.ต.ท. ทักษิณ
               ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีลักษณะเป็น “การบังคับบุคคลให้สูญหาย” เฉพาะรายหรือเฉพาะกรณีตามอนุสัญญาระหว่างประเทศฯ

               ดังกล่าวหรือไม่  หรือมีลักษณะถึงขนาดเป็น  “การก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ”  ในลักษณะของการบังคับบุคคลให้สูญหาย  ตาม
               ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไม่ อย่างไร
                                            (๑.๒.๑) การบังคับบุคคลให้สูญหายตามอนุสัญญาระหว่างประเทศฯ

                                                   ก. หลักกฎหมาย
                                                     การสูญหายของบุคคลจะมีลักษณะเป็นการบังคับบุคคลให้สูญหายตามนัยแห่ง
               อนุสัญญาระหว่างประเทศฯ  จะต้องประกอบด้วยเงื่อนไขส�าคัญสามประการประกอบกัน  ได้แก่  ประการที่หนึ่ง  ผู้กระท�าการ  กล่าวคือ

               ผู้กระท�าการอันเป็นการบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ  หรือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลซึ่งได้รับอนุญาต  การสนับสนุน  หรือ
               การยอมรับของรัฐ ประการที่สอง ลักษณะของการกระท�า กล่าวคือ เมื่อได้จับกุม หรือควบคุมตัว หรือลักพาตัวบุคคลที่จะบังคับให้

               สูญหายแล้ว  เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลที่ด�าเนินการเช่นนั้นจะปฏิเสธไม่รับรู้การกระท�าอันเป็นการลิดรอนเสรีภาพของบุคคล  หรือ
               ปกปิดชะตากรรมหรือสถานที่อยู่ของบุคคลผู้สูญหายนั้น  และประการที่สาม  ผลของการกระท�า  กล่าวคือ  การกระท�าอันมีลักษณะ
               เป็นการบังคับบุคคลให้สูญหายมีเป้าหมายเพื่อท�าให้บุคคลผู้ถูกบังคับให้สูญหายนั้นอยู่นอกการคุ้มครองของกฎหมาย

                                                   ข. ผลการพิจารณา
                                                     การด�าเนินการของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลโดยการอุ้มบุคคลเป้าหมายหายไปหรือ

               การท�าให้บุคคลเป้าหมายสูญหายไป ตามพฤติการณ์แห่งเรื่องร้องเรียนเข้าเงื่อนไขทั้งสามประการของการบังคับบุคคลให้สูญหาย
               ตามนัยแห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศฯ  ดังกล่าวข้างต้นทั้งสามประการ  กล่าวคือ  เป็นการกระท�าการของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการ
               ปฏิบัติการเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติด หรือการกระท�าของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอันมีพื้นฐาน

               มาจากแผนการด�าเนินการเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลหรือกลุ่ม
               บุคคลผู้กระท�าการปกปิดชะตากรรมหรือสถานที่อยู่ของบุคคลผู้ถูกบังคับให้สูญหายนั้น และมีเป้าหมายเพื่อท�าให้บุคคลนั้นอยู่นอก
               การคุ้มครองของกฎหมาย ดังนั้น  การด�าเนินการอุ้มบุคคลหรือท�าให้บุคคลสูญหายของเจ้าหน้าที่หรือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้กระท�า

               การตามแผนการด�าเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติด จึงเป็นการบังคับบุคคลให้
               สูญหายตามนัยแห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศฯ

                                            (๑.๒.๒) การก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติโดยการบังคับบุคคลให้สูญหายตามธรรมนูญ
               กรุงโรมฯ
                                                    ก. หลักกฎหมาย

                                                      การกระท�าอันเป็นการบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นการกระท�าความผิดอาญา
               ลักษณะหนึ่งของการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติตามข้อ ๗ วรรคหนึ่ง (ฌ) แห่งธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ
               โดยนัยดังกล่าว การกระท�าอันเป็นการบังคับบุคคลให้สูญหายอาจมีลักษณะถึงขนาดเป็นการก่อ “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ”

               (Crime against humanity) อันเป็นการต้องห้ามตามธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (The Rome Statute
               of the International Criminal Court) อีกด้วย หากเข้าเงื่อนไขต่างๆ ตามที่ก�าหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ กล่าวคือ การบังคับ

               บุคคลให้สูญหาย “เป็นส่วนหนึ่ง” ของการโจมตีหรือการประทุษร้าย (หรือการก่อให้เกิดผลกระทบ) แก่ประชากรพลเรือนในวงกว้าง
               หรืออย่างเป็นระบบ  และผู้กระท�า  “รู้ถึง”การโจมตีหรือการประทุษร้าย  (การก่อให้เกิดผลกระทบ)  ในวงกว้างหรืออย่างเป็นระบบ
               ต่อประชากรพลเรือนเช่นนั้น





               158
               ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
   174   175   176   177   178   179   180   181   182   183   184