Page 176 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 176
และ (๑.๑.๒) องค์ประกอบภายในหรือองค์ประกอบเชิงเนื้อหา ดังนั้น การก�าหนดและการด�าเนินนโยบายในการประกาศสงคราม
ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จะมีลักษณะเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติตามธรรมนูญ
กรุงโรมฯ จะต้องมีข้อเท็จจริงที่เข้าทั้งองค์ประกอบภายนอกและองค์ประกอบภายใน
(๑.๑.๑) องค์ประกอบภายนอก : องค์ประกอบเชิงรูปแบบ
ก. หลักกฎหมาย
องค์ประกอบภายนอกแห่งการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ได้แก่ การกระท�า
ความผิดอาญาในลักษณะใดลักษณะหนึ่งตามที่ก�าหนดไว้ในข้อ ๗ วรรคหนึ่ง ของธรรมนูญกรุงโรมฯ การกระท�าที่มีลักษณะเป็น
อาชญากรรมต่อมนุษยชาติตามนัยแห่งข้อ ๗ วรรคหนึ่ง จะต้องเป็นการกระท�าความผิดในลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังที่ก�าหนดไว้นั้น
“เป็นพื้นฐาน” เสียก่อน อันได้แก่ การกระท�าความผิดอาญาร้ายแรงในสองลักษณะ คือ ลักษณะที่หนึ่ง การกระท�าความผิดอาญา
ร้ายแรงฐานฆ่าคนตายหรือความผิดที่คล้ายคลึงกัน (Crime of murder type) อันได้แก่ การฆาตกรรม (murder) การท�าลายล้าง
(extermination) การกระท�าทรมาน (torture) การบังคับให้สูญหาย (enforced disappearance) อาชญากรรมทางเพศต่อสตรี
(sexual violence) การข่มขืนกระท�าช�าเรา (rape) การท�าร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออย่างร้ายแรง (acts causing
great suffering or serious injury to body) การบังคับให้ท�าหมัน (enforced sterilization) และลักษณะที่สอง การกระท�าความ
ผิดอาญาร้ายแรงฐานข่มเหงรังควาน หรือกลั่นแกล้ง (Crime of persecution type) อันได้แก่ การท�าการข่มเหงรังควานหรือกลั่น
แกล้งอย่างใดๆ โดยมีสาเหตุเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา สีผิว หรือเหตุทางการเมือง เช่น การเนรเทศหรือบังคับให้โยกย้ายถิ่นฐาน
(deportation or forcible transfer of population) การกระท�าอันเป็นการเหยียดผิว (crime of apartheid) การห้ามหรือจ�ากัด
สิทธิการศึกษาหรือการห้ามการประกอบอาชีพ ต่อประชากรพลเรือนบางกลุ่ม
นอกจากนี้ การกระท�าความผิดอันเป็นพื้นฐานดังกล่าวจะต้องครบองค์ประกอบ
ความผิดในตัวเองของความผิดอาญาสามัญทั่วไปด้วย
ข. ข้อเท็จจริง
เมื่อพิจารณาข้อมูลตามเรื่องร้องเรียนและคดีอาญาที่มีการฟ้องร้องต่อศาล
เกี่ยวกับการกระท�าความผิดอาญาที่เกิดขึ้นจากการด�าเนินนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด
การกระท�าความผิดอาญาที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป ได้แก่ การฆาตกรรมหรือการท�าให้บุคคลถึงแก่ความตาย และการท�าให้บุคคลสูญหายไป
โดยฝ่าฝืนต่อเจตนาของบุคคลนั้น การกระท�าความผิดอาญาเหล่านี้ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้กระท�าการได้กระท�าไปโดยเจตนา รู้ถึง
การกระท�าของตน นอกจากนี้ การที่ชาวเขากลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ห่างไกลหรือตามแนวชายแดนถูกก�าหนดให้เป็นบุคคลเป้าหมาย
ประเภทหนึ่งของแผนการด�าเนินการเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด โดย
ก�าหนดชื่อของชาวเขากลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ไว้ในบัญชีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อให้เป็นเป้าหมายของการด�าเนินการตาม
แผนการด�าเนินการนั้น ยังถือได้ว่าเป็นการกระท�าความผิดอาญาร้ายแรงฐานข่มเหงรังควานหรือกลั่นแกล้งอย่างใดๆ โดยมีสาเหตุ
เกี่ยวกับเชื้อชาติหรือกลุ่มชาติพันธุ์อีกด้วย ทั้งนี้ ข้อ ๗ วรรคหนึ่ง (ช) ให้นิยามของค�าว่า “การรังควาน (Persecution)” หมายความว่า
การรังควานกลุ่มหรือหมู่คณะใดโดยเฉพาะ อันเนื่องมาจากสาเหตุทางการเมือง เชื้อชาติ ชนชาติ ชาติพันธุ์ วัฒนธรรม ศาสนา เพศ
ตามที่นิยามไว้ในวรรค ๓ หรือสาเหตุอื่นซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างสากลว่าไม่สามารถกระท�าได้ตามกฎหมายระหว่างประเทศ”
ความผิดอาญาฐานนี้ซึ่งจะต้องอาศัยเงื่อนไขเกี่ยวกับการแบ่งแยกด้านเชื้อชาติ ศาสนา สีผิว หรือการเมือง เป็นองค์ประกอบของการ
กระท�าความผิดด้วย จึงครบองค์ประกอบความผิดด้วยเช่นกัน
ค. ผลการพิจารณา
การกระท�าความผิดอาญาในลักษณะต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการ
ด�าเนินนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดที่ก่อให้เกิดการสูญเสียแก่ผู้เสียหาย อันได้แก่ การถูก
ฆาตกรรมหรือการฆ่าคนตายโดยเจตนา และการอุ้มหายหรือท�าให้บุคคลสูญหายโดยฝ่าฝืนต่อเจตจ�านงของบุคคลนั้น ย่อมเป็นการ
กระท�าความผิดอาญาร้ายแรงตามฐานความผิดอาญาร้ายแรงที่มีก�าหนดไว้ในข้อ ๗ วรรคหนึ่ง แห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ อีกทั้งการ
กระท�าความผิดอันเป็นพื้นฐานดังกล่าวจะต้องครบองค์ประกอบความผิดในตัวเองของความผิดอาญาสามัญทั่วไปด้วย
155
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖