Page 177 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 177
(๑.๑.๒) องค์ประกอบภายใน : องค์ประกอบเชิงเนื้อหา
ก. หลักกฎหมาย
การกระท�าความผิดอาญาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการด�าเนินนโยบายของรัฐบาลในการ
ปราบปรามยาเสพติดเช่นนั้นจะเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติได้ยังจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบภายในอันเป็น
องค์ประกอบเชิงเนื้อหา “เพิ่มเติมต่อยอด” ขึ้นอีกด้วย องค์ประกอบภายในหรือเชิงเนื้อหาขยองการกระท�าความผิดที่จัดเป็น
อาชญากรรมต่อมนุษยชาติเป็นไปตาม “บริบทเฉพาะ” ของอาชญากรรมระหว่างประเทศลักษณะนี้เลยทีเดียว ซึ่งประกอบด้วย
องค์ประกอบส�าคัญสองประการ ได้แก่ ประการที่หนึ่ง การกระท�าความผิดอาญาเหล่านั้น “เป็นส่วนหนึ่ง” ของการโจมตีหรือ
การประทุษร้าย (หรือการก่อให้เกิดผลกระทบ) แก่ประชากรพลเรือนในวงกว้างหรืออย่างเป็นระบบ และประการที่สอง ผู้กระท�า
“รู้ถึง” การโจมตีหรือการประทุษร้าย (การก่อให้เกิดผลกระทบ) ในวงกว้างหรืออย่างเป็นระบบต่อประชากรพลเรือนเช่นนั้น
ข. ข้อเท็จจริง
แม้ว่าการกระท�าความผิดอาญาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการด�าเนินนโยบายของรัฐบาล
ในการปราบปรามยาเสพติดดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น จะครบองค์ประกอบความผิดอาญาของการกระท�าความผิดอาญาแต่ละลักษณะ
ดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา ไม่ว่าจะเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายหรือท�าให้บุคคลถึงแก่ความตายโดยเจตนา หรือการลิดรอน
สิทธิเสรีภาพของบุคคลโดยมิชอบ ด้วยการอุ้มหายหรือท�าให้บุคคลสูญหายโดยฝ่าฝืนต่อเจตนาของบุคคลนั้น หากแต่การกระท�าความ
ผิดอาญาต่างๆ ต่อบุคคลเป้าหมายหรือผู้เสียหายในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศและในช่วงระยะเวลาต่างๆ เหล่านั้นมิใช่การกระท�าความผิด
อาญาเฉพาะรายคดีที่สิ้นสุดลงในตัวเอง หรือเป็นเอกเทศแยกต่างหากจากกันแต่อย่างใด ตรงกันข้าม การกระท�าความผิดอาญาต่างๆ
เหล่านั้นมีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกันและ “เป็นส่วนหนึ่ง” ของการด�าเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเพียงประการเดียว คือ การก่อ
ให้เกิดความเสียหายหรือการโจมตีประชากรพลเรือนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดในวงกว้าง อย่างต่อเนื่อง และอย่างเป็นระบบ กล่าวอีกนัยหนึ่ง
การกระท�าความผิดอาญาต่างๆ ตามแผนการด�าเนินการต่อบุคคลเป้าหมายและในพื้นที่เป้าหมายต่างๆ ทั่วประเทศ เป็นการกระท�า
การที่กระท�าเพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งด�าเนินการไปในวงกว้าง อย่างเป็นระบบ และเป็นขั้นเป็นตอน
ดังนี้
• การก�าหนดนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติด และประกาศ
นโยบายดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติโดยนายกรัฐมนตรีในโอกาสต่างๆ
• การชี้แจงและมอบหมายภารกิจและหน้าที่แก่องค์กรของรัฐและเจ้าหน้าที่
ของรัฐในระดับต่างๆ เพื่อด�าเนินการและปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลที่ก�าหนดไว้ องค์กรหลัก ได้แก่ กระทรวง
มหาดไทยและศูนย์ต่อสู้กับยาเสพติดในระดับจังหวัด ระดับอ�าเภอ และระดับกิ่งอ�าเภอ (ศตส. จ./ อ./ กิ่ง อ.) รัฐบาลมอบหมาย
ภารกิจและหน้าที่โดยใช้ระบบ “Area Approach” ซึ่งบูรณาการการด�าเนินการระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการต�ารวจ
ภูธรจังหวัดให้ต้องท�างานคู่กัน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเจ้าภาพ ผู้บังคับการต�ารวจภูธรจังหวัดเป็นรอง ผู้ว่าราชการจังหวัดและ
ผู้บังคับการต�ารวจภูธรจังหวัด ในระดับอ�าเภอ นายอ�าเภอและผู้ก�ากับการ หัวหน้าสถานีต�ารวจรองรับระดับจังหวัด
• ก�าหนดแนวทางอย่างกว้างๆ เกี่ยวกับลักษณะหรือวิธีการในการด�าเนินการ
โดยใช้มาตรการก�าปั้นเหล็ก (Iron Fist) เพื่อกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ความรุนแรงในการด�าเนินการ การใช้อาวุธตอบโต้ด้วย
ความเด็ดขาดแบบตาต่อตาฟันต่อฟันและไร้ความปรานี ในลักษณะของการท�าสงคราม หากแต่ไม่มีการก�าหนดให้การด�าเนินการต้อง
ค�านึงถึงหลักนิติรัฐและสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลที่เป็นเป้าหมายแต่อย่างใด
• ก�าหนดบุคคลที่เป็นเป้าหมายและพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายผ่านบัญชีรายชื่อ
ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด (บัญชีด�า) ซึ่งองค์กรของรัฐแต่ละแห่งรวบรวมและจัดท�าขึ้นตามวิธีการที่แตกต่างกัน และไม่มีหลักเกณฑ์
ที่ชัดเจนแน่นอนและเหมาะสมในการจัดท�าแต่อย่างใด
• ก�าหนดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่บุคคลที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยก�าหนดจุดจบ
ให้ผู้ผลิตหรือผู้ค้ายาเสพติดมีอยู่เพียงสองทางเลือก คือ ไม่คุกก็วัด หากต่อสู้ จะต้องถูกวิสามัญฆาตกรรม นอกจากนี้ ผู้ร�่ารวยผิดปกติ
จะต้องติดตามยึดทรัพย์ให้ได้ แม้ว่าจะไม่มีพยานหลักฐานใดก็ตาม
156
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖