Page 174 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 174
ตามมาว่า บุคคลผู้ก�าหนดนโยบายในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจะมีความผิดอาญาฐานเป็น “ผู้ก่อ” ให้
บุคคลอื่นกระท�าความผิดอาญาได้หรือไม่ เนื่องจากเมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้วจะเห็นได้ว่าการด�าเนินการนโยบายปราบปราม
ยาเสพติดดังกล่าว เป็นการด�าเนินการเพื่อให้การกระท�าการตามแผนการด�าเนินการโดยรวมดังกล่าวข้างต้นด�าเนินไปอย่างเป็นระบบ
เป็นขั้นตอนตามล�าดับ และสามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ก�าหนดไว้ในแผนการด�าเนินการดังกล่าวได้อย่างแน่นอนและมีประสิทธิภาพ
การกระท�าการต่างๆ ตามแผนการด�าเนินการดังกล่าวจึงต้องมีพื้นฐานจาก “นโยบายของรัฐ” เป็นส�าคัญ ในที่นี้ย่อมได้แก่ นโยบาย
ของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ก�าหนดและ
ประกาศเป็นวาระแห่งชาตินั่นเอง
โดยนัยดังกล่าว รัฐบาลที่มี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้น�า ได้ก�าหนดและประกาศนโยบาย
ของในการปราบปรามยาเสพติด ตลอดจนองค์กรและเจ้าหน้าที่ต่างๆ ของรัฐที่มีหน้าที่จะต้องไปด�าเนินการตามล�าดับชั้น (ตามระบบ
“Area Approach” ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการต�ารวจภูธรจะต้องด�าเนินการร่วมกันแบบ “ปาท่องโก๋”) และแนวทาง
อย่างกว้างๆ ในการด�าเนินการขององค์กรและเจ้าหน้าที่ต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ก�าหนดไว้ในนโยบายโดยเคร่งครัด โดย
ก�าหนดให้ใช้วิธีการรุนแรงและตอบโต้อย่างเข้มข้นต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และก�าหนดจุดหมายปลายทางของผู้ที่เกี่ยวข้องกับ
ยาเสพติดไว้เพียงสองแห่งเท่านั้น คือ “คุก” หรือ “วัด” ทั้งนี้ โดยไม่ค�านึงถึงหลักนิติรัฐและสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลที่เป็น
เป้าหมาย ทั้งนี้ ในการก�าหนดและประกาศนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดดังกล่าว รัฐบาลปล่อยให้องค์กรหรือเจ้าหน้าที่ต่างๆ
ของรัฐที่มีหน้าที่ด�าเนินการตามนโยบายนั้นไปก�าหนดวิธีด�าเนินการต่างๆ กันเอง เพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล
เป็นส�าคัญเท่านั้น
(๒) การกระท�าความผิดอาญาตามกฎหมายเฉพาะ
พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระท�าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้ก�าหนด
มาตรการในการตรวจค้น การยึดทรัพย์สินของผู้ต้องสงสัยว่ามีการกระท�าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดไว้ ดังนี้
• การตรวจค้นเคหสถาน (รถยนต์/ บ้านเรือน)
มาตรา ๒๕ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาและตรวจสอบทรัพย์สิน ยึด หรืออายัดทรัพย์สินตาม
พระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการ อนุกรรมการและเลขาธิการมีอ�านาจดังต่อไปนี้
ฯลฯ ฯลฯ
(๓) เข้าไปในเคหสถาน สถานที่ หรือยานพาหนะใดที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระท�าความผิดเกี่ยวกับ
ยาเสพติด หรือมีทรัพย์สินตามมาตรา ๒๒ ซุกซ่อนอยู่ เพื่อท�าการตรวจค้น หรือเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ยึด หรืออายัดทรัพย์สิน
ในเวลากลางวันระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าหากไม่ด�าเนินการในทันที ทรัพย์สินนั้นจะ
ถูกยักย้ายก็ให้มีอ�านาจเข้าไปในเวลากลางคืน
ในกรณีตาม (๓) ประธานกรรมการ หรือเลขาธิการจะมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการแทน
แล้วรายงานให้ทราบก็ได้
ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายตามวรรคสองต้องแสดงเอกสาร
มอบหมายต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกครั้ง
• การยึดทรัพย์สิน
คณะกรรมการมีอ�านาจสั่งให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์สินของ
ผู้ต้องหารายใดเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระท�าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (มาตรา ๑๙)
ในการตรวจสอบทรัพย์สิน ถ้าผู้ถูกตรวจสอบหรือผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินไม่สามารถแสดง
หลักฐานได้ว่าทรัพย์สินที่ถูกตรวจสอบไม่เกี่ยวเนื่องกับการกระท�าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือได้รับโอนทรัพย์สินนั้นมาโดยสุจริต
และมีค่าตอบแทน หรือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี หรือในทางกุศลสาธารณะ ให้คณะกรรมการสั่งยึด
หรืออายัดทรัพย์สินนั้นไว้จนกว่าจะมีค�าสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี ซึ่งต้องไม่ช้ากว่าหนึ่งปีนับแต่วันยึดหรืออายัด หรือจนกว่าจะมีค�าพิพากษา
153
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖