Page 133 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 133
ข.๒) ความจ�าเป็นอันเนื่องจากสภาพการณ์บังคับ
นอกจากความความจ�าเป็นเพื่อป้องกันหรือคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สินแล้ว
ธรรมนูญกรุงโรมฯ ยังได้ก�าหนดเหตุยกเว้นความรับผิดทางอาญาของบุคคลอีกประการหนึ่ง คือ ความจ�าเป็นอันเนื่องจากสภาพการณ์
บังคับ กล่าวคือ การกระท�าการที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นการก่ออาชญากรรมร้ายแรงที่อยู่ในเขตอ�านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศนั้นมี
สาเหตุมาจากสภาพบังคับอันเป็นผลมาจากการคุกคามต่อความตายที่ใกล้จะถึง (duress resulting from a threat of imminent
death) หรือต่อการบาดเจ็บทางกายอย่างสาหัส (imminent serious bodily harm) ต่อตนเองหรือบุคคลอื่น และบุคคลนั้นได้กระท�า
การที่จ�าเป็นและสมเหตุผลในการหลีกเลี่ยงจากการคุกคามดังกล่าว ทั้งนี้ การคุกคามดังกล่าวอาจกระท�าโดยบุคคลอื่นหรือเกิดขึ้นจาก
สภาวการณ์อื่น นอกเหนือการควบคุมของบุคคลนั้นก็ได้ 358
อย่างไรก็ตาม ในการกระท�าการที่ถูกกล่าวหา บุคคลนั้นจะต้องไม่มีเจตนาที่จะ
ก่อให้เกิดอันตรายยิ่งไปกว่าอันตรายที่จะหลีกเลี่ยง
๓.๒.๒ หลักกฎหมายเกี่ยวกับความผิดอาญาร้ายแรงระหว่างประเทศ
เมื่อได้พิจารณากฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการกระท�าความผิดอาญาร้ายแรงระหว่างประเทศ
ทั้งสองฉบับดังกล่าวข้างต้น อันได้แก่ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วย
ศาลอาญาระหว่างประเทศแล้ว จะสังเกตได้ว่ากฎหมายระหว่างประเทศทั้งสองฉบับดังกล่าวได้ก�าหนดหลักกฎหมายเกี่ยวกับความผิด
อาญาระหว่างประเทศไว้ในท�านองเดียวกัน ซึ่งประกอบด้วยหลักกฎหมายส�าคัญสามประการ ได้แก่ ๑. หลักการคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหา
และผู้เสียหาย ๒. หลักการไม่เลือกปฏิบัติและหลักการไร้ความคุ้มกัน ๓. หลักความเป็นเอกเทศและอ�านาจเหนือของกฎหมายอาญา
ระหว่างประเทศ
๑. หลักการคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหาและผู้เสียหาย
กติการะหว่างประเทศฯ และธรรมนูญกรุงโรมฯ ได้ก�าหนดหลักกฎหมายระหว่างประเทศในทางอาญา
เพื่อคุ้มครองผู้เกี่ยวข้องกับการกระท�าความผิดอาญาระหว่างประเทศทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ถูกกล่าวหาว่ากระท�าความผิด ได้แก่
๑.๑ หลักความรับผิดอาญาของผู้ถูกกล่าวหา และในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ได้รับความเสียหายจากการกระท�าความผิด ได้แก่ ๑.๒ หลักการ
เยียวยาความเสียหาย
๑.๑ หลักความรับผิดอาญาของผู้ถูกกล่าวหา
แม้ในทางระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศที่รับรองและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
ขั้นพื้นฐานของบุคคลดังเช่นกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองก็ดี กฎหมายระหว่างประเทศที่ก�าหนดให้
359
ผู้กระท�าความผิดอาญาร้ายแรงต้องได้รับโทษทางอาญา ดังเช่น ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ ก็ดี ต่างก็ได้
ก�าหนดบทบัญญัติที่เป็นการรับรองและคุ้มครองสิทธิของบุคคลผู้ถูกกล่าวหาว่ากระท�าความผิดอาญาไว้เช่นกัน อันได้แก่ ประการที่หนึ่ง
หลักไม่มีความรับผิดไม่มีโทษ โดยไม่มีกฎหมาย ประการที่สอง หลักการสันนิษฐานความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวว่ากระท�าความผิด และ
ประการที่สาม หลักการตีความอาชญากรรมโดยเคร่งครัด
ประการที่หนึ่ง หลักไม่มีความรับผิด ไม่มีโทษ โดยไม่มีกฎหมาย
บุคคลที่กระท�าการอย่างหนึ่งอย่างใดและถูกกล่าวหาว่าการกระท�าเช่นนั้นเป็นความความผิดกฎหมาย
ระหว่างประเทศหรือเป็นความผิดอาญาระหว่างประเทศ จะต้องปรากฏชัดเจนเสียแต่ในเบื้องต้นว่าการกระท�าการเช่นนั้นมีกฎหมาย
บัญญัติให้เป็นความผิด กล่าวอีกนัยหนึ่ง หาก “ในขณะที่บุคคลกระท�าการ” อย่างหนึ่งนั้น ไม่มีกฎหมายก�าหนดให้การกระท�าเช่นนั้น
เป็นความผิดแล้ว บุคคลที่กระท�าการเช่นนั้นย่อมไม่มีความผิด และแม้ต่อมาจะได้มีกฎหมายก�าหนดให้การกระท�าเช่นนั้นเป็นความผิด
ก็ตาม กฎหมายนั้นก็ “ไม่มีผลย้อนหลัง” ให้เป็นโทษแก่บุคคลที่กระท�าการนั้นแต่อย่างใด หลักดังกล่าวเป็นไปตาม “หลักความชอบ
ด้วยกฎหมายอาญา” (Nullum Crimen Sine Lege, Nulla Poena Sine Lege) ผลที่ตามมาก็คือ บุคคลที่กระท�าการนั้น (ซึ่งยังไม่มี
กฎหมายก�าหนดให้เป็นความผิด) จึงไม่มีความรับผิดและย่อมไม่ต้องรับโทษใดๆ
358
Rome Statute, Article 31 Grounds for excluding criminal responsibility, paragraph 1 (d).
359 Rome Statute, Part 3. General Principles of Criminal Law.
112
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖