Page 130 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 130
อาชญากรรมร้ายแรงที่ได้กระท�าขึ้นในดินแดนของรัฐเหล่านี้ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ และศาลอาญาระหว่างประเทศจะมีเขต
อ�านาจเหนืออาชญากรรมที่เกิดขึ้นในรัฐเหล่านั้นได้ก็ต่อเมื่อรัฐนั้นได้เข้าเป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรมฯ แล้วเท่านั้น 334
อย่างไรก็ตาม หากรัฐที่ยังมิได้เข้าเป็นภาคีในธรรมนูญกรุงโรมฯ ประสงค์จะยื่นเรื่อง
อาชญากรรมร้ายแรงต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ รัฐนั้นสามารถกระท�าเช่นนั้นได้ หากได้แสดงเจตนา “ยอมรับอ�านาจ” ศาลอาญา
ระหว่างประเทศส�าหรับอาชญากรรมร้ายแรงคดีใดคดีหนึ่ง อันเป็นการยอมรับอ�านาจศาล “เป็นการเฉพาะคราว” (ad hoc
335
acceptance) ก็ได้ ในกรณีเช่นนั้น ศาลอาญาระหว่างประเทศก็จะมีเขตอ�านาจเหนือความผิดหรืออาชญากรรมที่ได้กระท�าขึ้นใน
รัฐนั้นได้โดยทันที โดยนัยดังกล่าว ศาลอาญาระหว่างประเทศจึงอาจปฏิบัติหน้าที่และใช้อ�านาจตามที่ก�าหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ
เหนือดินแดนของรัฐภาคี และเหนือดินแดนของรัฐอื่นใดตามความตกลงพิเศษ 336
อนึ่ง แม้รัฐจะเข้าเป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรมฯ หรือยอมรับอ�านาจศาลอาญาระหว่าง
ประเทศเพื่อให้ศาลสามารถพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่การเสนอเรื่องอาชญากรรมร้ายแรงต่อศาลอาญาระหว่างประเทศได้ยังจะต้อง
เป็นไปตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการกระท�าอันเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติอีกด้วย
ข. เงื่อนไขเชิงเนื้อหา: เงื่อนไขเกี่ยวกับการกระท�าอันเป็นการก่ออาชญากรรมต่อ
มนุษยชาติ
โดยที่ศาลอาญาระหว่างประเทศได้จัดตั้งขึ้นในลักษณะสถาบันถาวรและมีอ�านาจ
เหนือบุคคลในกรณีเกี่ยวกับอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดซึ่งอยู่ในความห่วงใยของประชาคมระหว่างประเทศเป็นส�าคัญ 337 ศาลอาญา
ระหว่างประเทศ จึงมีเขตอ�านาจจ�ากัดและเคร่งครัด หากศาลอาญาระหว่างประเทศมีเขตอ�านาจเหนือเฉพาะแต่อาชญากรรมร้ายแรง
สี่ลักษณะดังที่ก�าหนดไว้ในข้อ ๕ วรรคหนึ่งแห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ อันได้แก่ อาชญากรรมอันเป็นการท�าลายล้างเผ่าพันธุ์ (The crime
339
338
340
of genocide) อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (Crimes against humanity) อาชญากรรมสงคราม (War crimes) และ
341
อาชญากรรมอันเป็นการรุกราน (The crime of aggression) อย่างไรก็ตาม อาชญากรรมดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามตามเงื่อนไข
เกี่ยวกับการกระท�าความผิดตามที่ก�าหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ ซึ่งประกอบด้วยเงื่อนไขส�าคัญสองประการ ได้แก่ ข.๑) เงื่อนไข
เกี่ยวกับช่วงเวลาของการกระท�าความผิดอาญาร้ายแรง และ ข.๒) เงื่อนไขเกี่ยวกับผู้กระท�าความผิดอาญาร้ายแรง
ข.๑) เงื่อนไขเกี่ยวกับช่วงเวลาของการกระท�าความผิดอาญาร้ายแรงกับการมีผลใช้
บังคับของธรรมนูญกรุงโรมฯ
การกระท�าความผิดอาญาร้ายแรงลักษณะต่างๆ ตามธรรมนูญกรุงโรมฯ ที่จะเสนอให้
342
ศาลอาญาระหว่างประเทศพิจารณาได้นั้น จะต้องเกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลอาญาระหว่างประเทศมีเขตอ�านาจ กล่าวอีกนัยหนึ่ง
334
Rome Statute, Article 11 Preconditions to the exercise of jurisdiction, paragraph 2.
“2. If a State becomes a Party to the Statute after is entry into force, the Court may exercise its jurisdiction only with respect to crimes
committed after the entry into force of this Statute for that State, …..”.
335
Rome Statute, Article 12 Preconditions to the exercise of jurisdiction, paragraph 3.
“3. If the acceptance of a State which is not a Party to this Statute is required under paragraph 2, that State may, by declaration
lodged with the Registrar, accept the exercise of jurisdiction by the Court with respect to the crime in question. The accepting State shall
cooperate with the Court without any delay or exception in accordance with Part 9”.
336
Rome Statute, Article 4 Legal status and powers of the Court.
337
Rome Statute, Article 1 The Court.
338
Rome Statute, Article 6 Genocide.
339
Rome Statute, Article 7 Crimes against humanity.
340
Rome Statute, Article 8 War crimes.
341
Rome Statute, Article 5 Crimes within the jurisdiction of the Court, paragraph 2.
342
ศาลอาญาระหว่างประเทศมีเขตอ�านาจนับแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ค.ศ. ๒๐๐๒ (พ.ศ. ๒๕๔๕)
109
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖