Page 138 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 138
ศาลอาญาระหว่างประเทศซึ่งกระท�าโดยกองก�าลัง (forces) ภายใต้การบังคับบัญชาและการควบคุมอย่างแท้จริง หรือภายใต้อ�านาจ
หน้าที่และการควบคุมอย่างแท้จริง แล้วแต่กรณี อันเป็นผลมาจากการที่บุคคลนั้นมิได้ควบคุมกองก�าลังดังกล่าวอย่างเหมาะสม ทั้งนี้
ภายใต้เงื่อนไขสองประการ คือ ประการที่หนึ่ง ผู้บัญชาการทหารหรือบุคคลนั้นรู้หรือควรจะได้รู้ถึงพฤติการณ์ในขณะนั้นว่ากองก�าลัง
(ที่อยู่ภายใต้อ�านาจควบคุมของตน) ก�าลังประกอบอาชญากรรมหรือจะประกอบอาชญากรรมเช่นนั้น และประการที่สอง ผู้บัญชาการ
ทหารหรือบุคคลนั้นมิได้ใช้มาตรการที่จ�าเป็นและสมเหตุสมผลทั้งปวงภายในอ�านาจของบุคคลนั้น เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการ
กระท�าของกองก�าลัง หรือเสนอเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอ�านาจเพื่อสอบสวนและฟ้องร้องด�าเนินคดี
กรณีผู้บังคับบัญชาในกรณีอื่น
ในความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา (superior and subordinate
relationships) ในกรณีอื่นๆ ผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดทางอาญาต่ออาชญากรรมภายในเขตอ�านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่ง
กระท�าโดยผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ภายใต้อ�านาจและการควบคุมอย่างแท้จริงของบุคคลนั้น อันเป็นผลมาจากการที่บุคคลดังกล่าวมิได้
ควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาอยางเหมาะสม ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขสามประการ คือ ประการที่หนึ่ง ผู้บังคับบัญชารู้หรือจงใจละเลยข้อมูลที่
ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าผู้ใต้บังคับบัญชาก�าลังประกอบอาชญากรรมหรือจะประกอบอาชญากรรมเช่นนั้น ประการที่สอง อาชญากรรมนั้น
เกี่ยวข้องกับกิจกรรมซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบและการควบคุมอย่างแท้จริงของผู้บังคับบัญชา และประการที่สาม ผู้บังคับบัญชา
มิได้ใช้มาตรการที่จ�าเป็นและสมเหตุสมผลทั้งปวงภายในอ�านาจของตนเพื่อป้องกันหรือปราบปรามการประกอบอาชญากรรมดังกล่าว
หรือยื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอ�านาจเพื่อการสอบสวนและการฟ้องร้องด�าเนินคดี
หลักความรับผิดของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ
ในส่วนที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการหรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชานั้น ธรรมนูญกรุงโรมฯ ได้
378
ก�าหนดหลักความรับผิดของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการไว้ในข้อ ๓๓ วรรคหนึ่ง กล่าวคือ แม้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการจะได้กระท�า
ความผิดอาญาโดยเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามค�าสั่งของรัฐบาลหรือของผู้บังคับบัญชาทหารหรือพลเรือนก็ตาม โดยหลักแล้ว เหตุดังกล่าว
ก็มิได้ยกเว้นความรับผิดทางอาญาของเจ้าหน้าที่นั้นแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ธรรมนูญกรุงโรมฯ ได้ก�าหนดเงื่อนไขอันเป็นเหตุยกเว้นความรับผิดของเจ้าหน้าที่นั้น
379
ไว้สามประการ ได้แก่ บุคคลนั้นมีหน้าที่ตามกฎหมาย (a legal obligation) ที่จะต้องเชื่อฟังค�าสั่งของรัฐบาลหรือผู้บังคับบัญชาดัง
กล่าว บุคคลนั้นไม่รู้ว่าค�าสั่งนั้นมิชอบด้วยกฎหมาย (unlawful) และค�าสั่งนั้นไม่ชัดแจ้งในตัวเองว่ามิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ ค�าสั่งให้
กระท�าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) หรือประกอบอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (Crime against humanity) เป็นค�าสั่งที่มิชอบด้วย
กฎหมายโดยชัดแจ้ง ดังที่ก�าหนดไว้ในข้อ ๓๓ วรรคสอง 380
๓ หลักความเป็นเอกเทศและอ�านาจเหนือของกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ
เพื่อเป็นหลักประกันให้สิทธิและเสรีภาพต่างๆ ของบุคคลที่รับรองไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศฯ ได้รับการคุ้มครองและปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดในระหว่างรัฐภาคีต่างๆ
ธรรมนูญกรุงโรมฯ จึงก�าหนดข้อก�าหนดเกี่ยวกับ หลักความเด็ดขาดและหลักความเป็นเอกเทศของธรรมนูญกรุงโรมฯ จากกฎหมาย
ภายในของรัฐภาคีและกฎหมายระหว่างประเทศอื่นๆ ไว้โดยชัดแจ้ง ผลที่ตามมาประการส�าคัญ คือ ๓.๑ หลักการไม่ใช้บังคับอายุความ
และ ๓.๒ หลักการเสริมเขตอ�านาจศาลภายในของรัฐภาคีโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ
๓.๑ หลักการไม่ใช้บังคับอายุความ
โดยที่อาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศในลักษณะต่างๆ ดังที่ก�าหนดไว้ในข้อ ๕ ของธรรมนูญ
กรุงโรมฯ เป็นความผิดอาญาร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติและเป็นการละเมิดต่อกฎแห่งมนุษยชาติ (Law of Humanity) อันเป็น
378
Rome Statute, Article 33 Superior orders and prescription of law, paragraph 1.
379
Rome Statute, Article 33 Superior orders and prescription of law, paragraph 1 (a) (b) (c)
380
Rome Statute, Article 33 Superior orders and prescription of law, paragraph 2.
117
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖