Page 13 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 13
ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น อีกทั้งพนักงานอัยการก็ยังสั่งการตามความเห็นของพนักงานสอบสวน และท�าค�าสั่งให้ “งดการสอบสวน”
ในทุกเรื่องร้องเรียน ครอบครัวของผู้เสียหายจึงไม่มีช่องทางอื่นใดอีกตามกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศที่จะด�าเนินการ
เพื่อให้ผู้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตนได้รับการลงโทษ ครอบครัวของผู้เสียหายจ�านวนมากจึงยังคงไม่ได้รับความเป็นธรรม และ
ผู้กระท�าความผิดจากการก�าหนดและด�าเนินนโยบายที่เปิดโอกาสให้มีการกระท�าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง
จึงยังคงลอยนวลอยู่ เพียงเพราะกระบวนการยุติธรรมภายในของประเทศไทยไม่สามารถน�าตัวบุคคลดังกล่าวมาลงโทษได้
ข้อเสนอแนะ
(๑) ในส่วนที่เกี่ยวกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะองค์กรระดับชาติในด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
จึงควรผลักดันให้มีการเสนอเรื่องดังกล่าวไปสู่องค์กรระหว่างประเทศที่มีอ�านาจหน้าที่โดยตรง ซึ่งได้แก่ ศาลอาญาระหว่างประเทศ
(International Criminal Court) ตามธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
(Human Rights Committee) ตามกติการะหว่างประเทศด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on
Civil and Political Rights)
ก) การเสนอเรื่องไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ
โดยที่ศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีอ�านาจหน้าที่โดยตรงในการ
พิจารณาและวินิจฉัยคดีอาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงควรเสนอเรื่องดังกล่าว
ไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศเพื่อพิจารณาและวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมิได้เป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาล
อาญาระหว่างประเทศ ประเทศไทยจึงมิอาจเสนอเรื่องหรือฟ้องคดีดังกล่าวไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศโดยตรง หากแต่ต้อง
ฟ้องคดีโดยเสนอผ่านรัฐภาคีธรรมนูญฯ ดังกล่าวเพื่อให้ฟ้องคดีต่อศาลอาญาระหว่างประเทศแทน หรือเสนอเรื่องดังกล่าวผ่าน
อัยการประจ�าศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อให้อัยการเริ่มการสืบสวนสอบสวนคดีด้วยตนเอง ซึ่งเป็นอ�านาจหน้าที่ของอัยการ
(proprio motu) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การเสนอเรื่องดังกล่าวผ่านอัยการประจ�าศาลอาญาระหว่างประเทศน่าจะเป็นวิธีการ
ที่เหมาะสมและคล่องตัวมากกว่า ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว นอกจากจะต้องเสนอข้อมูลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและผลกระทบ
หรือการสูญเสียที่เกิดขึ้นแก่ประชากรพลเรือนอย่างรุนแรงและอย่างกว้างขวางจากการก�าหนดและการด�าเนินนโยบายดังกล่าว
ของรัฐบาล อันเป็นภัยคุกคามต่อความสงบสุขและสันติภาพของประชาคมโลกแล้ว คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติยังจะ
ต้องเน้นย�้าที่ “พันธกรณีทางข้อเท็จจริง” (de facto) ของประเทศไทยที่จะต้องไม่กระท�าการใดๆ อันจะก่อให้เกิดผลกระทบหรือ
เป็นอุปสรรคต่อวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของธรรมนูญฯ อันเป็นพันธกรณีที่เกิดขึ้นตามหลักกฎหมายจารีตประเพณีระหว่าง
ประเทศซึ่งมีที่มาจากหลักสุจริต (Bona Fide) และเรื่องดังกล่าวซึ่งอยู่ในเขตอ�านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศจะต้องได้รับ
การพิจารณาและวินิจฉัยโดยศาลอาญาระหว่างประเทศในฐานะ “ศาลเสริม” ตาม “หลักการเสริมเขตอ�านาจศาล” (Principle
of Complementarity)
ข) การเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนตามกติการะหว่างประเทศด้านสิทธิพลเมืองและ
สิทธิทางการเมือง
โดยที่กติการะหว่างประเทศด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองรับรองและคุ้มครองสิทธิ
และเสรีภาพของบุคคลในชีวิตร่างกายของตน และบุคคลมิอาจถูกลิดรอนสิทธิและเสรีภาพในชีวิตร่างกายโดยมิชอบหรือตาม
อ�าเภอใจจากการกระท�าของเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานของรัฐ โดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายก�าหนด ทั้งนี้ โดยปราศจาก
การแบ่งแยกใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมืองหรือความคิดเห็นอื่นใด แม้ในกรณีที่
ฌ
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖