Page 12 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 12
เปิดเผยและน�าเสนอข้อมูล อีกทั้งควรจัดท�าเป็นภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในการด�าเนินการดังกล่าว คณะ
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะต้องคุ้มครอง “สิทธิในความเป็นส่วนตัว” (Right to privacy) ของผู้เสียหายและครอบครัว
ของผู้เสียหายด้วย ทั้งนี้ เพื่อความผาสุกและความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลเหล่านั้นด้วย
๑.๒ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเยียวยาความเสียหายให้แก่ครอบครัวของผู้เสียหาย
ข้อเสนอแนะประการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายและครอบครัว
ของผู้เสียหาย ดังที่ได้กล่าวข้างต้นแล้วว่า การก�าหนดและการด�าเนินนโยบายท�าสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของรัฐบาล
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ก่อให้เกิดการสูญเสียทั้งต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน เกียรติยศชื่อเสียง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตลอดจน
ผลกระทบด้านจิตใจของบุคคลทั้งหลายในครอบครัวของผู้เสียหาย และครอบครัวของผู้เสียหายยังคงมิได้รับการเยียวยาความ
เสียหายอย่างใดๆ จากการสูญเสียดังกล่าวเลยตลอดระยะเวลาเกือบสิบสองปีที่ผ่านมา ในขณะที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมี
พันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on
Civil and Political Rights) ซึ่งรับรองสิทธิของพลเมืองที่จะต้องได้รับการเยียวยาความเสียหายอย่างจริงจังจากการถูกละเมิด
สิทธิเสรีภาพโดยมิชอบตามนัยข้อ ๒ ของกติการะหว่างประเทศ ดังกล่าว
ข้อเสนอแนะ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะองค์กรระดับชาติในด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน จึงควร
จัดตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งเพื่อท�าหน้าที่ในการเรียกร้องความเป็นธรรมและค่าเสียหายให้แก่ครอบครัวของผู้เสียหาย ซึ่งได้รับ
ผลกระทบและปัญหาจากการก�าหนดและการด�าเนินนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยคณะกรรมการเฉพาะกิจ
(ad hoc) ดังกล่าวท�าหน้าที่เป็นองค์กรตัวแทนของครอบครัวผู้เสียหายในการด�าเนินการเรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐบาลไทย
เพื่อเยียวยาความเสียหายแก่ครอบครัวของผู้เสียหายอันเนื่องมาจากการก�าหนดและการด�าเนินนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เนื่องจากมีผู้ได้รับผลกระทบหรือความเสียหายเป็นจ�านวนมาก การด�าเนินการเช่นนั้นย่อมสอดคล้อง
กับอ�านาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามที่บัญญัติรับรองไว้ในมาตรา ๒๕๗ (๔) ของรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ แม้ว่าในปัจจุบันรัฐธรรมนูญฯ ดังกล่าวจะถูกยกเลิกไปแล้วก็ตาม
๑.๓ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการน�าตัวผู้กระท�าความผิดมาลงโทษ
ข้อเสนอแนะประการนี้น่าจะเป็นข้อเสนอแนะประการส�าคัญที่สุดและน่าจะมีความละเอียดอ่อนมากที่สุด
โดยที่การก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติเป็นการก่ออาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่ซับซ้อนยิ่งกว่า
การกระท�าความผิดอาญาสามัญตามประมวลกฎหมายอาญาและมีองค์ประกอบความผิดเป็นของตนเอง อันเป็นเหตุให้เกิดการ
สูญเสียชีวิตร่างกาย และทรัพย์สินของประชากรพลเรือนจ�านวนมากโดยไม่ชอบธรรม ในช่วงระยะเวลาการด�าเนินนโยบายท�า
สงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของรัฐบาล เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ หากแต่การก่ออาชญากรรมร้ายแรงเช่นนั้นกลับมิได้ถูก
ก�าหนดให้เป็นความผิดอาญาตามฐานความผิดในประมวลกฎหมายอาญาของประเทศไทย สภาพการณ์เช่นนี้ย่อมเป็นอุปสรรค
อย่างมากต่อการฟ้องและด�าเนินคดีเพื่อน�าตัวผู้กระท�าความผิดมาลงโทษตามกลไกแห่งกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย
นอกจากนี้ ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น โดยที่กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย “ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” ใน
การอ�านวยความยุติธรรมแก่ครอบครัวของผู้เสียหายทั้งหลายที่ได้รับผลกระทบจากการก�าหนดและการด�าเนินนโยบายดังกล่าว
ของรัฐบาล เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้ได้รับความเป็นธรรมได้อย่างแท้จริง ดังจะเห็นได้ว่าพนักงานสอบสวนตามเรื่องร้องเรียนจ�านวน
มากสรุปส�านวนคดีโดยเสนอความเห็นให้ “งดการสอบสวน” โดยที่มิได้ด�าเนินการสืบสวนสอบสวนและแสวงหาพยานหลักฐาน
ที่เกี่ยวข้องตามอ�านาจหน้าที่ของตน และปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเพียงเพื่อให้เข้าเงื่อนไขของการเสนอความเห็นให้งดการสอบสวน
ซ
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖