Page 124 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 124

ในเรื่องนี้  ศาล  ICTR  ได้เคยอธิบายความหมายของค�าว่า  “ในวงกว้าง”  (widespread)
                  ไว้ในคดี  Prosecutor  v.  Akayesu  (1998)  โดยศาลเห็นว่าการโจมตีหรือการก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง  สามารถพิจารณาจาก

                  ลักษณะของการโจมตีที่กระท�าในวงกว้าง (the large-scale nature of the attack) ซึ่งจะต้องมีความเสียหายเป็นจ�านวนมาก
                  (massive) และความเสียหายนั้นต้องเกิดขึ้นอยู่เสมอ (frequent) โดยความเสียหายต้องเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงและโดยตรงต่อกลุ่มบุคคล
                  ซึ่งเป็นเหยื่อจ�านวนมาก 305

                                                    โดยนัยดังกล่าวข้างต้น  การโจมตีหรือการประทุษร้ายในวงกว้างจึงมุ่งที่การก่อให้เกิดความ
                                                                            306
                  สูญเสีย  ความเสียหาย  หรือผลกระทบต่อเหยื่อหรือบุคคลทั้งหลายในวงกว้าง   เป็นส�าคัญ  ไม่จ�าต้องมีความรุนแรงถึงระดับเป็นการ
                  ขัดแย้งด้วยก�าลังอาวุธ (an armed conflict) ไม่ว่าภายในประเทศหรือภายนอกประเทศ และไม่จ�าต้องครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่
                  การโจมตีในวงกว้างจึงประกอบด้วยการกระท�าความผิดในลักษณะต่างๆ ซ�้าแล้วซ�้าเล่า และก่อให้เกิดความเสียหายแก่เหยื่อหรือ
                  ผู้เสียหายเป็นจ�านวนมาก ซึ่งมิใช่กรณีของการกระท�าความผิดอาญาที่เป็นเอกเทศต่อเหยื่อทั้งหลายที่ไม่มีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกัน

                  (isolated crimes against unconnected victims)
                                                    • การโจมตีหรือการประทุษร้ายอย่างเป็นระบบ (a systematic attack)

                                                    หากการโจมตีหรือการประทุษร้าย (หรือการก่อให้เกิดผลกระทบ) ในวงกว้างมุ่งเน้นนัยเชิง
                                                                                                               307
                  ปริมาณการโจมตีหรือการก่อให้เกิดผลกระทบอย่างเป็นระบบมุ่งหมายถึงนัย  “เชิงคุณภาพ”  (a  qualitative  meaning)   หรือ
                  “วิธีด�าเนินการ”  กล่าวคือการกระท�าความผิดต่างๆ  ดังที่ก�าหนดไว้ในข้อ  ๗  วรรคหนึ่งของธรรมนูญกรุงโรมฯ  ได้กระท�าขึ้นอย่าง

                  เป็นระบบ  มีการวางแผน  มีการประสานงานและก�าหนดแนวทางการด�าเนินการเป็นขั้นเป็นตอน  (high  degree  of  orchestration
                                         308
                  and methodical planning) มีการก�าหนดองค์กรด�าเนินการในล�าดับชั้นต่างๆ และก�าหนดการด�าเนินการหรือการปฏิบัติการต่างๆ
                  เพื่อน�าไปสู่เป้าหมายของนโยบายของรัฐบาลหรือองค์กรของรัฐที่มีอ�านาจ

                                                    ศาล  ICTR  เคยอธิบายความหมายของค�าว่า  “อย่างเป็นระบบ”  ไว้ในคดี  Prosecutor  v.
                                309
                  Akayesu (1998)  ว่า เป็นการกระท�าผ่านองค์กร โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการปฏิบัติตามนโยบายที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรที่ส�าคัญ
                  ของรัฐหรือเอกชน (substantial public or private resources)

                                                    โดยนัยดังกล่าว การโจมตีหรือการประทุษร้ายอย่างเป็นระบบจึงต้องมีพื้นฐานมาจาก
                  “นโยบาย” ของรัฐหรือองค์การที่เกี่ยวข้อง (a State or organisational policy requirement) เป็นส�าคัญ รัฐบาลหรือองค์กรที่

                  มีอ�านาจท�าการก�าหนดนโยบายไว้ล่วงหน้า  และองค์กรต่างๆ  หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐก็รับนโยบายดังกล่าวไปด�าเนินการหรือปฏิบัติการ
                  เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายนั้นโดยเคร่งครัด  ทั้งนี้  นโยบายดังกล่าวไม่จ�าเป็นต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ  และไม่
                                           310
                  จ�าเป็นต้องมีความชัดเจนครบถ้วน ผลที่ตามมา คือ การกระท�าความผิดต่างๆ เป็นการด�าเนินการตามขั้นตอนที่จ�าเป็นเพื่อให้บรรลุ



                         305
                             Pre-Trial Chamber I, Katanga decision, ICC-01/04-01/07-717, paras 395 and 398; ICTR, The Prosecutor v. Akayesu, Case No.
                  ICTR-96-40-T, “Trial Judgment”, 2 September 1998, para. 580.
                         306
                             การโจมตีที่กว้างขวางอาจเป็นการโจมตีในลักษณะสะสมต่อเนื่องท�าให้เกิดผู้เสียหายวงกว้าง (cumulative effect of act) เช่น การกระท�าทรมาน
                  สะสมต่อเนื่องในวงกว้างโดยมีผู้เสียหายหลายคน ลักษณะนี้เป็นการโจมตีที่กว้างขวางประเภทมีความถี่ (frequency) ของการกระท�า หรือเป็นการโจมตีในลักษณะ
                  ครั้งเดียวแต่มีขนาดความเสียหายที่ใหญ่มากผิดปกติ (extraordinary magnitude) เช่น การใช้อาวุธร้ายแรงเช่นนิวเคลียร์ ถล่มครั้งเดียว แต่มีผู้เสียหายจ�านวนมาก
                  ลักษณะนี้เป็นการโจมตีแบบกว้างขวางประเภทมีความรุนแรง (magnitude)  ในการกระท�า โปรดดู ปกป้อง ศรีสนิท, ค�าอธิบายกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ,
                  กรุงเทพ: โครงการต�าราและเอกสารประกอบการสอน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๕๖, หน้า ๖๙ - ๗๐.
                         307
                             โปรดดู Kai Ambos, อ้างแล้ว, p. 284.
                         308
                              Darryl Robinson, “Defining “Crime Against Humanity” at the Rome Conference,” The American Journal of International Law,
                  Vol. 93, No. 1 (Jan., 1999), p. 47.
                         309
                             Prosecutor v. Akayesu, Judgement, No. ICTR-96- 4-T (Sept. 2, 1998) อ้างจากเชิงอรรถที่ 20 ใน Darryl Robinson, “Defining “Crime
                  Against Humanity” at the Rome Conference,” The American Journal of International Law, Vol. 93, No. 1 (Jan., 1999), p. 47.
                         310
                             โปรดดู พันต�ารวจตรี กฤษฎิ์ สถิตย์วัฒนานนท์, อ้างแล้ว, หน้า ๑๒.
                                                                                                                   103
                                    ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
   119   120   121   122   123   124   125   126   127   128   129