Page 116 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 116
254
against humanity) รวมถึงการกระท�าความผิดต่อบุคคลท�าการต่อสู้เพื่อต่อต้าน (crime against resistance fighters) ด้วย
โดยศาลฎีกาฝรั่งเศสได้ตีความขยายขอบเขตความผิดฐานอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ (crime against humanity) ให้ครอบคลุมถึง
255
พลเมืองของรัฐทุกคน (civilians) ไม่ว่าบุคคลนั้นจะจัดตั้งกองก�าลังขึ้นเพื่อต่อต้านหรือสู้รบต่อผู้กดขี่หรือไม่ก็ตาม กล่าวโดยสรุปแล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า การกระท�าใดจะเป็นความผิดอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (crime against humanity) นั้นมิได้พิจารณาจากกลุ่ม
เป้าหมายที่ตกเป็นเหยื่อ (not the identity of the victims) หากแต่พิจารณาจากการกระท�าว่าเป็นไปตามองค์ประกอบทางกฎหมาย
256
ของความผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (crime against humanity) หรือไม่
(๒) ค�าพิพากษาของศาลศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกิจส�าหรับอดีตยูโกสลาเวีย
(The International Criminal Tribunal for the former Yugoslavia : ICTY) และศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกิจ
ส�าหรับระวันดา (The International Criminal Tribunal for Rwanda: ICTR)
ศาล ICTY
ศาล ICTY ได้น�าค�าพิพากษาในคดี Barbie มาใช้เป็นแนวทางในการตัดสินคดี โดยเห็นว่า
ความรับผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติน�ามาใช้กับการกระท�าอันเป็นการโจมตีโดยตรงต่อเหยื่อ (victims) ซึ่งอาจเป็นสมาชิกของ
257
กลุ่มผู้ต่อต้าน (member of a resistance) หรือพลเรือน (civilians) ก็ได้ ในที่นี้ มีคดีส�าคัญที่เกี่ยวข้องอยู่สามคดี ได้แก่ คดี The
Prosecutor v. Mile Mrkšić et al (1996) คดี The Prosecutor v. Dusko Tadić (1997) และคดี The Prosecutor v. Jean-Palu
Akayesu (1998)
ในคดี The Prosecutor v. Mile Mrkšić et al (1996) ศาลได้กล่าวว่า หากพิจารณา
ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาแต่ดั้งเดิม (traditional sense) จะพบว่า “ผู้ต่อสู้หรือผู้ท�าการรบ” (combattants) ย่อมไม่อาจเป็นเหยื่อ
ของการโจมตีได้ และเหยื่อในที่นี้ไม่ได้หมายความรวมถึงปัจเจกบุคคลเพียงคนใดคนหนึ่งซึ่งท�าการต่อต้าน (individuals who carried
out acts of resistance) และแม้ว่าผลจากการศึกษาของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในองค์การสหประชาชาติ ได้อธิบายอย่างชัดเจนว่า
บทบัญญัติมาตรา ๕ ของธรรมนูญ ICTY มุ่งหมายใช้กับพลเรือน (civilian) ซึ่งหมายถึง ประชาชนผู้ซึ่งมิได้เป็นผู้ต่อสู้หรือผู้ท�า
การรบก็ตาม แต่ก็ไม่ควรด่วนสรุปว่าบุคคลซึ่งท�าการต่อสู้หรือท�าการรบจะไม่มีทางตกเป็นเหยื่อของการโจมตีได้ กรณีจ�าต้องพิจารณา
จากสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๕ มากที่สุด 258
จากการพิจารณาข้อเท็จจริงในคดีนี้ ศาลได้พบว่าบุคคลผู้ท�าการต่อสู้เพื่อต่อต้าน (resistance
fighters) ซึ่งอยู่ท่ามกลางพลเรือน ไม่อาจเปลี่ยนแปลงลักษณะของการเป็นประชากรที่เป็นพลเรือนไปได้ ซึ่งต้องถือว่าผู้ท�าการต่อสู้
เพื่อต่อต้าน คือ เหยื่อซึ่งเป็นเป้าหมายของการโจมตีอันน�าไปสู่ความรับผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติได้เช่นเดียวกัน (victims of
259
crimes against humanity) ซึ่งในเรื่องนี้ ศาลได้กล่าวว่า “...แม้ว่าเป้าหมายของการโจมตีตามความรับผิดฐานอาชญากรรมต่อ
มนุษยชาติ คือ ประชากรที่เป็นพลเรือน (civilian population) แต่ในบางสถานการณ์บุคคลบางกลุ่ม (individuals) ก็อาจมี
การกระท�าในลักษณะเป็นการต่อต้าน (performed act of resistance) และอาจกลายเป็นเหยื่อของการโจมตีได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น
ในแง่นี้ไม่ว่าพลเรือน (civilians) หรือบุคคลผู้ท�าการต่อสู้เพื่อต่อต้านซึ่งได้ปลดวางอาวุธ (laid down their arms) และมี
สถานะเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล (patients in a hospital) ย่อมสามารถเป็นเหยื่อจากการโจมตีได้ทั้งสิ้น” 260
254
Caroline Fournet, อ้างแล้ว, p. 13.
255
Caroline Fournet, อ้างแล้ว, p. 14
256
Caroline Fournet, เพิ่งอ้าง.
257
Caroline Fournet, อ้างแล้ว, p. 18.
258
The Prosecutor v. Mile Mrkšić et al (Trial Chamber Review of the Indictment Pursuant to Rule 61 of the Rules of Procedure and
Evidence) IT-95-13-R61 (3 April 1996) para 29.
259
Caroline Fournet, อ้างแล้ว, p. 19.
260
Caroline Fournet, เพิ่งอ้าง.
95
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖