Page 115 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 115

จากการศึกษาแนวทางในการให้ค�านิยามของค�าว่า  “พลเรือน”  (civilian)  ของศาล
               ICTY  และศาล  ICTR  พบว่าศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกิจทั้งสองแห่งได้รับอิทธิพลมาจากการวางหลักกฎหมายของศาลแห่ง
               สาธารณรัฐฝรั่งเศสในคดี Barbie  โดยนัยดังกล่าว จึงขอน�าเสนอแนวค�าพิพากษาของศาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสในคดี Barbie และ

               ค�าพิพากษาของศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกิจทั้งสองแห่งนั้นตามล�าดับ ดังนี้

                                                                                                  251
                                                   (๑) ค�าพิพากษาคดี Barbie ของศาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส
                                                      คดี Barbie ในชั้นศาลอุทธรณ์
                                                      ศาลอุทธรณ์แห่งเมืองลียง (Lyon Court of Appeal) ได้แยกลักษณะความผิดที่กระท�า
               ต่อกลุ่มสู้รบแบบกองโจร (crime against resistance fighters) ออกจากการกระท�าความผิดต่อพลเรือนชาวยิว (crime against Jews)

               ซึ่งการที่ศาลอุทธรณ์ได้แบ่งแยกลักษณะความผิดดังกล่าวออกจากกัน ท�าให้เกิดการก�าหนดลักษณะความผิดที่แบ่งออกได้เป็น ๒ ฐาน
               อย่างชัดเจน  โดยศาลเห็นว่า  ความผิดที่กระท�าต่อผู้ท�าการสู้เพื่อต่อต้าน  (crime  against  resistance  fighters)  คือ  อาชญากรรม
               สงคราม (war crimes) ในขณะที่การกระท�าความผิดต่อพลเรือนชาวยิว (crime against Jews) คือ อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ

                                       252
               (crimes  against  humanity)   โดยศาลได้อาศัยหลักการแบ่งกลุ่มระหว่างผู้บริสุทธิ์  (innocent)  ที่ไม่มีความผิด  (inoffensive)
               ออกจากกลุ่มผู้ที่ไม่บริสุทธิ์  (non-innocent)  ที่ได้กระท�าความผิด  (offensive)  ด้วยเหตุนี้  ศาลอุทธรณ์ฝรั่งเศสจึงแบ่งแยกผู้ท�าการ
               ต่อสู้เพื่อต่อต้าน  (resistance  fighters)  ออกจากกลุ่มพลเรือนซึ่งเป็นชาวยิว  (Jews)  โดยศาลเห็นว่าชาวยิวซึ่งเป็นสมาชิกในกลุ่ม

               ผู้ท�าการต่อสู้เพื่อต่อต้าน  คือ  ชาวยิวที่ไม่บริสุทธิ์  (non-innocent  Jews)  กรณีจึงไม่อยู่ในขอบเขตของความผิดฐานอาชญากรรมต่อ
                                                                                                                253
               มนุษยชาติ (crimes against humanity) ซึ่งเป็นกระท�าความผิดต่อพลเรือนชาวยิว (crime against Jews) ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์นั่นเอง
                                                 คดี Barbie ในชั้นศาลฎีกา

                                                 ต่อมา การวางหลักของศาลอุทธรณ์ในเรื่องนี้ได้ถูกยกเลิกโดยค�าพิพากษาของศาลฎีกา
               (Cour de cassation) ฉบับลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๘๕ ซึ่งศาลฎีกาได้ตัดสินว่าความผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (crime





                       251  Klaus Barbie ได้ถูกพิจารณาคดีในสาธารณรัฐฝรั่งเศสในหลายข้อหาที่เกี่ยวเนื่องกับอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ขณะด�ารงต�าแหน่งผู้น�าเกสตาโป
               (Gestapo  chief)  กรณีสั่งกวาดล้างและกระท�าการทรมานและฆ่าชาวฝรั่งเศสผู้ร่วมขบวนการต่อต้านเยอรมนี  (French  Résistance  fighters)  และทรมาน
               ผู้น�าขบวนการต่อต้านเยอรมนี (Jean Moulin) จนถึงแก่ความตาย อีกทั้งสั่งเนรเทศชาวฝรั่งเศสเชื้อสายยิว (French Jews) หลายพันคน รวมทั้งเด็กก�าพร้าชาว
               ฝรั่งเศสเชื้อสายยิว  (orphaned  Jewish  children)  จ�านวนหลายพันคนไปยังเมือง  Auschwitz  ตลอดจนในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง  โดยความพยายาม

               ของการไต่สวน  Klaus Barbie  ในศาลฝรั่งเศสเริ่มเกิดขึ้นครั้งแรกในปี  ค.ศ.  1952  และอีกครั้งในปี  ค.ศ.  1954  โดยศาลฝรั่งเศสมีค�าตัดสินลงโทษประหารชีวิต
               เขา  เนื่องจากมีการฆ่าประชาชนไปกว่า  4,000  คน  และมีการเนรเทศชาวยิวกว่า  7,000  คนไปอยู่ในที่ค่ายกักกัน  ต่อมา  Barbie  ได้มีการหลบหนีโทษดังกล่าว
               ไปกว่า  40  ปี  โดยได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับชาวอเมริกัน  ผู้ซึ่งขอให้เขาช่วยเหลือในการสืบราชการลับเพื่อต่อต้านโซเวียต  (anti-
               Soviet intelligence) ในปี ค.ศ. 1951 Barbie ได้อพยพไปยังประเทศโบลีเวีย (Bolivia) โดยใช้ชื่อว่า Klaus Altmann และได้รับสัญชาติโบลิเวียในปี ค.ศ. 1957

               ต่อมา Barbie ได้ถูกพบตัวโดย Serge และ Beate Klarsfeld และได้ถูกส่งตัวกลับมาในฐานะเป็นผู้ร้ายข้ามแดน (was extradited) มายังประเทศฝรั่งเศสในปี ค.ศ.
               1971 หลังจากนั้น เขาจึงถูกไต่สวนในศาลฝรั่งเศสโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1987 จนกระทั่งวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1987 ศาลฝรั่งเศสจึงได้ตัดสิน
               ลงโทษจ�าคุกตลอดชีวิต (life imprisonment) และต่อมา Barbie ได้เสียชีวิตในเรือนจ�าในวันที่ 25 กันยายน ค.ศ. 1991 อ้างใน Caroline Fournet, Genocide
               and Crimes against humanity : Misconceptions and confusion in French law and practice, (Oxford and Portland ,Oregon : Hart Publishing),

               2013, p. 11.
               โปรดดู Barbie (Klaus) case, Fédération Nationale des Déportés et Internés Résistants et Patriotes et Autres v Klaus Barbie, Cass. Crim. 6
               octobre 1983 [1984], RGDIP 88; Barbie (Klaus) case, Fédération Nationale des Déportés et Internés Résistants et Patriotes et Autres v Klaus
               Barbie, Cass. Crim. 20 december 1985 [1986], RGDIP 90 and [1986] ILR 78.

                       252  Caroline Fournet, อ้างแล้ว, p. 12.
                       253
                          Caroline Fournet, เพิ่งอ้าง.

               94
               ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖
   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119   120