Page 114 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 114
องค์ประกอบส�าคัญสองประการ ได้แก่ ประการที่หนึ่ง การกระท�าความผิดเหล่านั้น “เป็นส่วนหนึ่ง” ของการโจมตีหรือการประทุษร้าย
(หรือการก่อให้เกิดผลกระทบ) แก่ประชากรพลเรือนในวงกว้างหรืออย่างเป็นระบบ และประการที่สอง ผู้กระท�า “รู้ถึง”การโจมตี
หรือการประทุษร้าย (การก่อให้เกิดผลกระทบ) ในวงกว้างหรืออย่างเป็นระบบต่อประชากรพลเรือนเช่นนั้น
ประการที่หนึ่ง การกระท�าความผิดเหล่านั้น “เป็นส่วนหนึ่ง” ของการโจมตีหรือการ
ประทุษร้าย (attack) ประชากรพลเรือนในวงกว้างหรืออย่างเป็นระบบ
การกระท�าความผิดต่างๆ ดังที่ก�าหนดไว้ในข้อ ๗ วรรคหนึ่ง แห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ จะต้อง
มิใช่การกระท�าที่เป็นเอกเทศหรือเป็นครั้งคราวและสิ้นสุดลงไปในตัวเอง หากแต่กระท�าขึ้นในลักษณะ “เป็นส่วนหนึ่ง” (committed
as a part of) ของการโจมตีหรือการประทุษร้ายประชากรพลเรือน (civilian population) ในวงกว้างหรืออย่างเป็นระบบ (a
widespread or systematic attack) ดังที่ข้อ ๗ วรรคสอง แห่งธรรมนูญกรุงโรมฯ ก�าหนดไว้โดยชัดแจ้ง ความว่า “เพื่อวัตถุประสงค์
ของวรรคหนึ่ง (ก) “การโจมตีที่มีเป้าหมายต่อประชาชนพลเรือนใดๆ” หมายถึง กระบวนการกระท�าซึ่งด�าเนินไปครั้งแล้วครั้งเล่าต่อ
ประชากรพลเรือนใดๆ ดังอ้างถึงในวรรค ๑ อันเป็นการด�าเนินการตามหรือส่งเสริมนโยบายของรัฐหรือองค์การที่จะกระท�าการโจมตี
248
เช่นว่า...”
ปัญหาที่จะต้องพิจารณาในที่นี้ย่อมจะได้แก่ “ประชากรพลเรือน” มีความหมายว่าอย่างไร
และการโจมตีหรือการประทุษร้าย “ในวงกว้าง” หรือ “อย่างเป็นระบบ” มีลักษณะอย่างไร ซึ่งมีข้อพิจารณาตามล�าดับ ดังนี้
• การโจมตีหรือการประทุษร้ายกระท�าต่อประชากรที่เป็นพลเรือน (attack directed
against any civilian population) อาชญากรรมต่อมนุษยชาติจะต้องเป็นการโจมตีหรือการประทุษร้ายโดยตรงต่อประชากรที่เป็น
พลเรือนประเด็นส�าคัญที่ต้องพิจารณาในเบื้องต้น คือ ค�าว่า “พลเรือน” (civilian) หรือ “ประชากรพลเรือน” (civilian population)
นั้นมีความหมายและมีขอบเขตแค่ไหนเพียงไร ในที่นี้สามารถแยกพิจารณาได้เป็นสามประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง
ค�าว่า “พลเรือน” ในที่นี้หมายความรวมถึงกลุ่มผู้ต่อสู้หรือผู้ท�าการรบ (combattants)
ด้วยหรือไม่
ธรรมนูญกรุงโรมฯ มิได้ก�าหนดนิยามของถ้อยค�าดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี
จากการตีความของศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกิจส�าหรับอดีตยูโกสลาเวีย (The International Criminal Tribunal for the
former Yugoslavia : ICTY) และศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกิจส�าหรับระวันดา (The International Criminal Tribunal for
249
Rwanda: ICTR) จะพบว่าศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกิจเหล่านี้ได้เคยให้ค�านิยามของค�าว่า “พลเรือน” (civilian) ไว้ในคดี
ต่างๆ ว่าหมายถึงพลเรือนทุกคนซึ่งเป็นเป้าหมายของการโจมตี ซึ่งในที่นี้ย่อมหมายความรวมถึงกลุ่มผู้ต่อสู้หรือผู้ท�าการรบ (combat-
250
tants) ด้วย
248
Rome Statute, Article 7 Crimes against humanity 2. For the purpose of this paragraph 1:
(a) “Attack directed against any civilian population” means a course of conduct involving the multiple commission of acts referred to in
paragraph 1 against any civilian population, pursuant to or in furtherance of a State or organizational policy to commit such attack, …”
โปรดดู กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ. ค�าแปลธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ,
อ้างแล้ว, หน้า ๔.
249
ศาลอาญาระหว่างประเทศเหล่านี้เป็นศาลเฉพาะกิจ (an adhoc court) ศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกิจส�าหรับอดีตยูโกสลาเวียจัดตั้งขึ้นตาม
มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council) ที่ ๘๒๗ (Resolution 827) เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๑๙๙๓ เพื่อพิจารณา
และตัดสินการกระท�าความผิดอาญาร้ายแรง (serious crimes) ในระหว่างสงครามในอดีตยูโกสลาเวีย และศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกิจส�าหรับระวันดา
จัดตั้งขึ้นตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council) ที่ ๙๕๕ (Resolution 955) เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๑๙๙๔
เพื่อพิจารณาหาผู้รับผิดชอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวระวันดาและการกระท�าการฝ่าฝืนอย่างร้ายแรงต่อกฎหมายระหว่างประเทศในระวันดา
250
The Prosecutor v. Jean-Palu Akayesu (Trial chamber Judgment) ICTR-96-4-T (2 September 1998) paras 569-576, in Caroline
Fournet, Genocide and Crimes against humanity: Misconceptions and confusion in French law and practice, (Oxford and Portland,Oregon:
Hart Publishing), 2013, p. 18.
93
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖