Page 111 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 111
(ซ) การรังควาน (Persecution) กลุ่มหรือหมู่คณะใดโดยเฉพาะ อันเนื่องมาจาก
สาเหตุทางการเมือง เชื้อชาติ ชนชาติ ชาติพันธุ์ วัฒนธรรม ศาสนา เพศ ตามที่นิยามไว้ในวรรค ๓ หรือสาเหตุอื่นซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่าง
สากลว่าไม่สามารถกระท�าได้ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการกระท�าใดที่อ้างถึงในวรรคนี้หรืออาชญากรรมใดๆ
ภายในเขตอ�านาจของศาลฯ
(ฌ) การบังคับบุคคลให้หายสาบสูญ (Enforced disappearance of persons)
(ญ) อาชญากรรมอันเป็นการเหยียดผิว (Crime of apartheid)
(ฎ) การกระท�าที่ไร้มนุษยธรรมอื่นๆ (inhuman acts) ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
โดยมีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงหรือบาดเจ็บทางกาย หรือสุขภาพจิต หรือกายอย่างสาหัส”
จากนิยามของค�าว่า “Crime of humanity” หรือ “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” ดังกล่าว
ข้างต้น จะเห็นได้ว่าการกระท�าความผิดอาญาที่มีลักษณะเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติตามข้อ ๗ วรรคหนึ่ง ของธรรมนูญกรุงโรมฯ
ได้แก่ การกระท�าใดๆ ต่อบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นความผิดอาญาในตัวเองอันเป็น “การละเมิดอย่างร้ายแรง” ต่อ “ศักดิ์ศรีความเป็น
มนุษย์” (a serious attack on humandignity) หรือ “การดูหมิ่นอย่างร้ายแรง” ต่อ “ความเป็นมนุษย์” หรือ “การลดคุณค่า”
ความเป็นมนุษย์ (a grave humiliation or a degradation of human beings) หากแต่การกระท�าความผิดอาญาเช่นนั้น
“เป็นส่วนหนึ่ง” ของการด�าเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเพียงประการเดียว คือ การก่อให้เกิดความเสียหายหรือการโจมตีบุคคล
กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดในวงกว้าง อย่างต่อเนื่องและอย่างเป็นระบบ โดยนัยดังกล่าว อาชญากรรมต่อมนุษยชาติจึงเป็นการกระท�าความผิด
อาญาที่ร้ายแรง (very serious nature) ต่อ “กลุ่มบุคคล” “ยิ่งกว่า” การกระท�าความผิดอาญาต่อบุคคลในกรณีทั่วไปและมี
“มิติทางกฎหมาย” ที่ “เหนือกว่า” การกระท�าความผิดอาญาสามัญทั่วไปตามความมุ่งหมายแห่งกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ
ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่า “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” เป็นการกระท�าอันเป็น “ภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ” ซึ่งเป็น “อาชญากรรม
ระหว่างประเทศ” (International crimes) ตามกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ (Customary International law) ซึ่งต่างเป็น
242
“กฎหมายบังคับเด็ดขาด” (jus cogens crimes) ผู้กระท�าความผิดอาญาร้ายแรงเช่นนี้จึงสมควรต้องได้รับการลงโทษและมิอาจ
ยกเหตุที่ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายภายในบังคับหรือเหตุที่ไม่มีศาลที่มีเขตอ�านาจเหนือคดีเช่นนี้ขึ้นกล่าวอ้าง
โดยนัยดังกล่าว อาชญากรรมต่อมนุษยชาติจึงเป็นการกระท�าความผิดอาญาร้ายแรง
ซึ่งมีลักษณะส�าคัญสี่ประการ ดังนี้
ประการที่หนึ่ง
เป็นการกระท�าความผิดอาญาที่มีลักษณะร้ายแรงหรือไร้มนุษยธรรม (inhuman acts)
การกระท�าความผิดอาญาที่เกิดขึ้นเป็นการกระท�าความผิดอาญาใดๆ ที่ไร้มนุษยธรรม
หรือมีผลกระทบ “อย่างร้ายแรง” ต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความปลอดภัยหรือความมั่นคงในชีวิต ร่างกาย จิตใจ สุขอนามัย หรือ
ทรัพย์สินของบุคคล และ เช่น การฆ่าคนตาย การท�าลายล้าง การเอาคนลงเป็นทาส การบังคับบุคคลให้สูญหาย การข่มขืนกระท�าช�าเรา
การบังคับให้ตั้งครรภ์ การกดขี่ข่มเหงรังควานหรือกลั่นแกล้งกลุ่มบุคคลอันเนื่องจากเหตุใดเหตุหนึ่ง เช่น เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ สีผิว ศาสนา
หรือการเมือง ดังตัวอย่างเช่น การด�าเนินการของรัฐบาลอดีตประเทศยูโกสลาเวียในการกวาดล้างกลุ่มชาติพันธุ์ (ethnic cleansing)
243
การกระท�าทารุณทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นการข่มขืนสตรีจ�านวนมากหรือการบังคับให้เป็นโสเภณี
242
The term “jus cogens” means “the compelling law” and, as such, a jus cogens norm holds the highest hierarchical position
among all other norms and principles. As a consequence of that standing, jus cogens norms are deemed to be “peremptory” and non-
derogable. โปรดดู M. Cherif Bassiouni, International Crimes: Jus Cogens and Obligatio Erga Omnes. “ Law and Contemporary Problems. Vol. 59,
No. 4, p. 67.
243
โปรดดู Jordan J. Paust, The International Criminal Court Does Not Have Complete Jurisdiction Over Customary Crimes
Against Humanity And War Crimes, University of Houston Public Law and Legal Theory Series 2010-A-15, p. 688.
90
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖