Page 91 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 91
บทที่ ๕
เมื่อพิจารณาถึงบทบาทของ กสม. โดยเฉพาะในช่วง ๖ ปีที่ผ่านมา กสม. ได้ให้ความส�าคัญต่อการตรวจสอบการละเมิด
สิทธิมนุษยชนข้ามพรมแดน เช่น การลงทุนของนักธุรกิจไทยในเขตเศรษฐกิจทวาย หรือการลงทุนท�าเหมืองแร่ที่พม่า การลงทุนใน
อุตสาหกรรมน�้าตาลที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา การพัฒนาเศรษฐกิจข้ามพรมแดนดังกล่าว ท�าให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ข้ามพรมแดน และมีส่วนท�าให้เกิดปัญหาผู้อพยพผู้ลี้ภัยมากขึ้น ดังนั้น ในการพิจารณาปัญหาผู้ลี้ภัย และผู้แสวงหาที่พักพิง ปัญหาการ
อพยพแรงงานจึงเกี่ยวโยงกับการพัฒนาในกระแสโลกาภิวัตน์ในระบบทุนเสรีนิยมใหม่
ในทัศนะของประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ควรมีหลักการในการจัดการปัญหาผู้ลี้ภัย ดังนี้
ประการแรก จ�าเป็นต้องยึดหลักสิทธิในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมของความเป็นชุมชน ชุมชนคนไทยและพม่าที่อยู่
บริเวณชายแดนควรค�านึงถึง “ความเป็นชุมชน” ที่อยู่บนหลักพื้นฐานของการท�ามาหากิน ที่ยึดหลักภูมิปัญญาท้องถิ่น และยึดหลัก
มิติด้านวัฒนธรรม รวมถึง “สิทธิชุมชน” ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญไทย “สิทธิชุมชน” แสดงให้เห็นถึงการมีสิทธิในการ
ด�ารงชีวิตของพลเมือง มีสิทธิในการตัดสินใจอนาคตของตนเอง ว่าต้องการจะด�ารงวิถีชีวิตอย่างไร สิทธิตรงนี้มีความส�าคัญ ที่จะน�าไป
สู่การออกแบบจินตนาการของความเป็นชุมชนที่ไกลกว่าความเป็นรัฐชาติเดียว เป็นชุมชนพหุสังคม พหุวัฒนธรรม เพื่อการอยู่ร่วมกัน
อย่างสันติ ไม่เกิดปัญหาการรบราฆ่าฟันของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้หลีกพ้นจากปัญหาการอพยพลี้ภัยของพลเมืองทั้งสอง
ประเทศได้
ประการที่สอง องค์กรทั่วโลกได้ยกระดับความส�าคัญในเรื่อง “สิทธิในการพัฒนา” โดยเฉพาะสิทธิในการพัฒนาของ
กลุ่มประเทศที่ก�าลังพัฒนา จะต้องไปให้ไกลถึงนโยบายการพัฒนาที่มาจากระบบทุนข้ามชาติ ประเทศไทยขณะนี้กลับเข้าสู่รัฐทหาร
มีการประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษที่อ�าเภอแแม่สอด จังหวัดตาก โดยค�าสั่งมาตรา ๔๔ ของ คสช. กันเขตพื้นที่กว่า ๒,๐๐๐ ไร่ เป็นเขต
เศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้นักธุรกิจมาลงทุนในที่ ๒,๐๐๐ ไร่นี้ ในขณะที่ชุมชนคนไทยประมาณ ๑๐๐ กว่าครอบครัวที่อยู่มานานกว่า ๑๐๐ ปี
จะต้องอพยพออกไป สิ่งที่จะเกิดที่เขตเศรษฐกิจทวาย ซึ่งมีเนื้อที่มากกว่าเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุด ๑๐-๑๕ เท่า เป็นปัญหา “สิทธิ
ในการพัฒนา” ดังนั้น จึงมีความจ�าเป็นต้องยกระดับให้เป็นสิทธิในการเสนอนโยบายการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน หรือให้มีความสมดุล
ของการพัฒนาที่ยอมรับความเจริญด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมชุมชนของคนในพื้นที่ไปด้วยกัน ต้องท�าให้เห็นว่าการพัฒนาเป็นสิ่งที่มี
นโยบายพื้นฐานที่ค�านึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนตามแนวชายแดน
ประการสุดท้าย “สิทธิการมีส่วนร่วม” ของผู้ลี้ภัย จะต้องถือว่าเป็นปัจจัยชี้ขาดในยุทธศาสตร์การส่งผู้ลี้ภัยกลับคืน
สู่ถิ่นฐานการมีส่วนร่วมของผู้ลี้ภัยในการตัดสินใจว่าจะกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิมในประเทศพม่า/เมียนมาร์ หรือจะอยู่ในประเทศไทย หรือ
เลือกที่จะไปอยู่ในประเทศที่สามเป็นสิ่งที่ส�าคัญยิ่ง ดังนั้น จึงไม่จ�าเป็นต้องยึดติดกับข้อตกลงในการหยุดยิง องค์กรระดับนานาชาติ
จึงต้องมีหน้าที่เข้ามาผลักดัน มิฉะนั้นแล้ว ก็จะมีค่ายผู้ลี้ภัยไปตลอดนิรันดร์กาล ดังนั้น UNHCR หรือองค์กรระดับภูมิภาคต้องเห็น
ความส�าคัญของการตัดสินใจของผู้ลี้ภัย หากการตัดสินใจโดยผู้ลี้ภัยทั้ง ๙ ค่าย ที่มีจ�านวนแสนกว่าคนไม่มีความหมาย การจัดการ
ปัญหาก็ไม่มีความเหมายเช่นกัน ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ที่เป็นคนรุ่นใหม่อาจจะไม่ต้องการกลับคืนสู่ถิ่นฐาน เพราะเขาไม่มีความคิดถึงชุมชน
ในประเทศพม่า/เมียนมาร์ ที่เขาไม่เคยอยู่มาก่อน หากพวกเขาต้องการอยู่ประเทศไทยหรือเลือกเดินทางไปประเทศที่สาม ก็ควรจะ
ท�าให้พวกสามารถเลือกหรือตัดสินใจตามความต้องการของเขาได้ นั่นคือ สิทธิการมีส่วนร่วมของผู้ลี้ภัยเป็นสิ่งที่ส�าคัญ ดังนั้น ในการ
จัดการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยจึงต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการค�านึงถึง “สิทธิชุมชน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม” ของผู้ลี้ภัย
ที่เมื่อกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิมแล้ว สามารถมีงานท�า มีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย มีสิทธิในการพัฒนาที่เท่าเทียมกัน ไม่ถูกรุกรานในด้าน
เศรษฐกิจ
โดยสรุป คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน
ของผู้ลี้ภัย ตลอดจนสร้างความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียน
78 79
ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว