Page 96 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 96
ข้อเสนอแนะต่อทางเลือกเชิงนโยบาย
21
ทักษะที่จะจัดการอนาคตของตนเอง แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จะต้องตั้งอยู่บนฐานของการมีส่วนร่วมของผู้ลี้ภัย และการสนับสนุน
อย่างจริงจังของรัฐบาลพม่า/เมียนมาร์
อย่างไรก็ดี แผนยุทธศาสตร์ของ UNHCR ไม่ได้ค�านึงถึงปัญหาการศึกษาของบุตรหลานของผู้ลี้ภัยในค่ายผู้ลี้ภัย และ
เด็กนักเรียนที่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนระดับต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนโดยเครือข่ายศาสนา โบสถ์ และองค์กรเอกชนระหว่างประเทศ
ระบบการศึกษาในค่ายผู้ลี้ภัยอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของหน่วยงานด้านการศึกษาของฝ่ายไทย แต่ปัญหาส�าคัญก็คือ การศึกษาใน
ค่ายผู้ลี้ภัยไม่ได้รับการรับรองวุฒิการศึกษา (Accreditation) จากกระทรวงศึกษาธิการของประเทศพม่า/เมียนมาร์และประเทศไทย
นักเรียนที่เรียนจบการศึกษาจากโรงเรียนระดับมัธยมปลายจากค่ายผู้ลี้ภัยจึงไม่สามารถใช้วุฒิการศึกษาที่ได้รับจากโรงเรียนในค่าย
ผู้ลี้ภัยเพื่อการสมัครเรียนต่อหรือสมัครเข้าท�างานได้
ดังนั้น การศึกษาจึงเป็นส่วนหนึ่งของความวิตกกังวลของผู้ลี้ภัยในการเดินทางกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิม เพราะนักเรียน
จากค่ายผู้ลี้ภัยไม่สามารถผ่านการสอบมาตรฐานของกระทรวงศึกษาธิการพม่า ทั้งนี้ เนื่องจากมีข้อจ�ากัดในความรู้ด้านภาษาพม่า หรือ
มีประสบการณ์ในการเรียนที่แตกต่างไปจากวิธีการเรียนการสอนในโรงเรียนในประเทศพม่า/เมียนมาร์ ท�าให้นักเรียนไม่มีความสุข
ในการเรียน ดังนั้น การเตรียมตัวกลับของนักเรียนเหล่านี้ จึงต้องค�านึงถึงการถ่ายโอนการศึกษา และรวมไปถึงการจัดท�าให้การศึกษา
ในค่ายผู้ลี้ภัยได้รับการรับรองคุณวุฒิการศึกษาจากรัฐบาลพม่า/เมียนมาร์ด้วย
ปัญหาส�าคัญในการเตรียมการส่งกลับของนักเรียนในค่ายผู้ลี้ภัย อยู่ที่นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการของทั้งสอง
ประเทศที่ยังไม่มีนโยบายในการรองรับเด็กนักเรียนจากค่ายผู้ลี้ภัย ยังขาดช่องทางการประสานงานอย่างเป็นทางการของทั้งสองฝ่ายใน
การตรวจสอบมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนในค่ายผู้ลี้ภัย ตลอดจนการวัดผล เพื่อให้นักเรียนที่ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนในค่ายผู้ลี้ภัย
มีระดับความรู้ที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ผู้ลี้ภัยสมควรจะได้รับ “สิทธิ” ในการตัดสินใจในการกลับคืนสู่ถิ่นฐานโดยสมัครใจ และมีส่วนร่วมในการวางแผน
และการจัดการอย่างจริงจังทุกขั้นตอน และได้รับข้อมูลข่าวสารเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง กลุ่มสตรีผู้ลี้ภัยควรจะได้รับโอกาสอย่างเท่า
เทียมในการมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบในการวางแผนการส่งกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิม
ปัญหาที่ดินที่จะรองรับการกลับคืนสู่ถิ่นฐาน เป็นสิ่งที่มีความส�าคัญ และสมควรที่ผู้ลี้ภัยจะมีส่วนร่วมในการแสวงหา
พื้นที่ที่เหมาะสมในการกลับคืนถิ่นฐานเป็นกลุ่ม และเริ่มจัดท�าเป็นโครงการทดลอง โดยให้ความส�าคัญต่อความปลอดภัย และความยั่งยืน
รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนที่อยู่ในชุมชนที่ใกล้กับพื้นที่ นอกจากนั้น ยังมีความจ�าเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะหามาตรการในการ
แก้ปัญหาการรับรองมาตรฐานการศึกษาของเด็กนักเรียนในค่ายผู้ลี้ภัยที่จะกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิม
๖. นโยบายการรองรับผู้ลี้ภัยที่ประสงค์จะอยู่ในประเทศไทย (Local Integration)
ผู้ลี้ภัยจ�านวนไม่น้อย โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่เติบโตในค่ายผู้ลี้ภัย ซึ่งมีการศึกษา ทักษะ และประสบการณ์ในการท�างานที่
สัมพันธ์กับชาวไทย องค์กรภาคประชาสังคม และองค์กรเอกชนระหว่างประเทศ ดังนั้น พวกเขาจึงมีความคุ้นเคยกับการท�างานใน
องค์กรสมัยใหม่ เข้าใจความหมายของการพัฒนา สิทธิมนุษยชน สิทธิสตรีและประชาธิปไตย หลายคนมีทักษะที่เหมาะสมกับพื้นที่
ชายแดน มีเครือข่ายข้ามแดน และสามารถพูดภาษาได้หลายภาษา คนกลุ่มนี้จ�านวนมากไม่ประสงค์จะเดินทางกลับไปประเทศพม่า/
เมียนมาร์ ด้วยเหตุผลบางประการ เช่น ต้องการใช้ความรู้และประสบการณ์ในการท�างานในประเทศไทยที่ต้องการทักษะสูง หรือ
ต้องการโอกาสทางการศึกษา หรือมีเหตุผลทางการเมืองที่ไม่ต้องการกลับไปประเทศพม่า/เมียนมาร์ ผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้น่าจะได้รับโอกาสที่
จะตัดสินใจว่า พวกเขาจะเลือกที่จะเดินทางกลับไปประเทศพม่า/เมียนมาร์ หรือเลือกที่จะอยู่ในประเทศไทย ยิ่งกว่านั้น ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่
21
Mae Fah Luang Foundation, 2014: 39-40
82 83
ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว