Page 86 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 86
ข้อเสนอแนะต่อทางเลือกเชิงนโยบาย
ที่ผ่านมา UNHCR ได้มีบทบาทส�าคัญร่วมกับรัฐบาลไทยในการประสานงานกับประเทศที่สามที่ประสงค์จะรับผู้ลี้ภัย
ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ มีการคัดกรองผู้ลี้ภัย และฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ลี้ภัยเพื่อเดินทางไปประเทศที่สาม ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๙-
๒๕๕๘ ปรากฏว่ามีผู้ลี้ภัยจาก ๙ ค่ายประมาณ ๑๐๓,๒๓๔ คนที่ได้เดินทางไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สาม นอกจากนี้ ยังมีผู้ลี้ภัย
อีกจ�านวนหนึ่งที่ได้รับการคัดกรองและเตรียมความพร้อมแล้ว ผ่านกระบวนการ Fast Track อยู่ในขั้นตอนการรอที่จะเดินทางไป
15
ประเทศที่สาม แต่อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตว่าในระยะหลัง ผู้ลี้ภัยที่ประสงค์จะเดินทางไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สามมีจ�านวนลดน้อยลง
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าผู้ลี้ภัยบางคนได้เริ่มเดินทางกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิมของตนแล้ว หรือเป็นเพราะผู้ลี้ภัยประสงค์จะเดินทาง
ไปยังประเทศที่มีระบบสวัสดิการที่ดี แต่ประเทศเหล่านี้ไม่เปิดรับผู้ลี้ภัยเพิ่มหรือเปิดรับจ�านวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่ประเทศ
ที่เปิดรับผู้ลี้ภัยให้ไปตั้งรกรากใหม่จ�านวนมาก เช่น สหรัฐอเมริกา กลับไม่ค่อยมีผู้ลี้ภัยสมัครใจไป ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่ามีสวัสดิการให้
ในระยะสั้น ๆ ด้วยเหตุนี้ จึงยังไม่มีการยื่นขอเดินทางไปตั้งถิ่นฐานใหม่
๓. ทางเลือกในการเดินทางกลับคืนสู่มาตุภูมิและแผนยุทธศาสตร์
(Strategic Roadmap) ของ UNHCR
เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปในผู้ลี้ภัยว่า พวกเขามีทางเลือกอนาคตของตนเองอยู่ ๓ ทาง คือ ก) เดินทางไปประเทศที่สาม
ข) การเดินทางกลับคืนสู่ถิ่นฐานของตนเอง และ ค) การเลือกที่จะอยู่ในประเทศไทย ผู้ลี้ภัยได้เริ่มค�านึงถึงทางเลือกในอนาคตของตน
บางรายประเมินความเป็นไปได้ของการกลับคืนถิ่นฐานของตนโดยการเดินทางไปดูพื้นที่ที่ประเทศพม่า/เมียนมาร์ หรือบางคนได้กลับ
ไปหาที่ดินที่จะใช้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ หรือเริ่มลองปลูกพืชบางชนิดไว้ ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทก่อน แต่ผู้ลี้ภัยจ�านวนมากยังไม่ได้ตัดสินใจ
เพราะไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน กับทั้งยังได้ยินข่าวการปะทะกันระหว่างกองก�าลังทหารพม่าและกองก�าลังถืออาวุธชนกลุ่มน้อยอยู่เสมอ
ดังนั้น เพื่อตรวจสอบความคิดเห็นและความต้องการของผู้ลี้ภัย หลายหน่วยงานได้ส�ารวจความคิดเห็นของผู้ลี้ภัยต่อประเด็นนี้
ส�านักข่าว Karen News ได้รายงานว่า คณะกรรมการค่ายผู้ลี้ภัยบ้านถ�้าหินได้ส�ารวจความคิดเห็นของผู้ลี้ภัยในค่ายผู้ลี้ภัยเมื่อปี
พ.ศ. ๒๕๕๖ และพบว่าในจ�านวนผู้ลี้ภัย ๖,๑๙๕ คน มีผู้ลี้ภัยตอบว่าต้องการไปประเทศที่สาม ร้อยละ ๔๖ ต้องการกลับประเทศพม่า
16
ร้อยละ ๒๗ ส่วนอีกร้อยละ ๒๗ ของผู้ลี้ภัยในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้ประสงค์จะอยู่ในชายแดนไทย-พม่า/เมียนมาร์ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗
มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ได้ท�าการส�ารวจความคิดเห็นผู้ลี้ภัย จ�านวน ๑๐๙,๙๙๑ คน พบว่าร้อยละ ๒๒ ได้ยื่นเรื่องเพื่อไปตั้งหลักแหล่ง
ในประเทศที่สามแล้ว ที่เหลือยังไม่ได้ด�าเนินการ ในจ�านวนนี้มีผู้ลี้ภัย ๔๓,๕๘๓ คน ที่ปรารถนาที่จะไปประเทศที่สาม แต่ยังไม่ได้
ยื่นเรื่องแสดงความจ�านง และในจ�านวนนี้มีสถานะเป็นผู้ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน (Unregistered) ร้อยละ ๗๓ และปรากฏว่ามีผู้ลี้ภัยร้อยละ
17
๑๘ ก�าลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ เป็นที่น่าสังเกตว่าข้อมูลดังกล่าวนี้ สอดคล้องความเห็นของ CSOs ที่ท�างานเกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัยว่า
ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะตัดสินใจ โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในพม่า/เมียนมาร์ ส่วนผู้ลี้ภัยที่เป็นผู้สูงอายุ
มักจะเป็นกลุ่มที่ตัดสินใจล�าบากว่าจะไปอยู่ประเทศที่สามดีหรือไม่ แม้ว่าตนเองมีบัตร UN ที่พร้อมจะเดินทางไปได้ก็ตาม ส่วนใหญ่
อยากกลับไปยังถิ่นฐานบ้านเกิดของตน เนื่องจากมีความผูกพันกับ “บ้าน” ของตน และวิตกกังวลในการปรับตัว หากเดินทางไปอยู่
ในประเทศที่สาม ส่วนคนหนุ่มสาววัยท�างานเป็นกลุ่มที่ต้องการไปประเทศที่สาม แต่มีจ�านวนไม่น้อยที่ต้องการอยู่ในประเทศไทย
15
IOM 2015 อ้างใน TBC 2015: 10-11
16
Karen News, กรกฎาคม ๒๕๕๖
17
Mae Fah Luang Foundation, 2014
72 73
ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว