Page 63 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 63
บทที่ ๓
๒. การรับจ้างท�างานนอกค่ายผู้ลี้ภัย
กรณีนี้จะพบในวัยหนุ่มสาวถึงวัยกลางคน ระยะทางที่ใกล้ที่สุดที่ออกไปรับจ้าง คือ หมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับค่าย
ผู้ลี้ภัยซึ่งอาจจะมีญาติพี่น้อง หรือคนที่รู้จักกันในหมู่บ้านนั้นๆ ส่วนระยะทางที่ไกลสุด คือ การข้ามพรมแดนจังหวัดไปท�างาน
กรุงเทพมหานครหรือจังหวัดเชียงใหม่ (กรณีที่อยู่ค่ายผู้ลี้ภัย จังหวัดแม่ฮ่องสอน) หรืออ�าเภอแม่สอด (กรณีที่อยู่ค่ายผู้ลี้ภัยบ้านแม่หละ
บ้านอุ้มเปี้ยมและนุโพ) กรณีนี้ แน่นอนว่าผู้ลี้ภัยไม่สามารถเดินทางไปล�าพังเพียงผู้เดียว แต่กรณีการท�างานหมู่บ้านใกล้เคียงนั้น จะมีทั้ง
ระบบที่ผู้ลี้ภัยเดินออกไปหางานท�าเองและระบบที่นายจ้างเรียกให้ไปช่วยงาน โดยทั่วไปจะได้ค่าจ้างวันละ ๑๕๐ บาท ส�าหรับผู้ชาย และ
๑๐๐ บาท ส�าหรับผู้หญิง
๓. การเปิดร้านขายของ หรือให้บริการต่าง ๆ ในค่ายผู้ลี้ภัย
ดังได้กล่าวแล้วว่ามีความแตกต่างของร้านขายของ คือ เป็นร้านช�าเล็ก ๆ และร้านขายของขนาดใหญ่ นอกจากนี้
ยังมีร้านเสริมสวย ตัดผม ร้านรับจ้างซักผ้า (ซักอย่างเดียว ไม่รวมตากและรีดผ้า) ถังละ ๕๐ บาท ร้านเช่าวีดีโอ ร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์
กิจการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าผู้ลี้ภัยจ�านวนหนึ่งมีรายได้มากพอควรส�าหรับการว่าจ้างให้ผู้อื่นอ�านวยความสะดวกให้กับตนเองและ
ครอบครัว
๔. การเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรผู้ลี้ภัย และองค์กรระหว่างประเทศ
ในแต่ละค่ายผู้ลี้ภัยจะมีองค์กรเหล่านี้อยู่ประมาณไม่ต�่ากว่า ๑๐ องค์กร ผู้ลี้ภัยในค่ายที่มีความสามารถด้าน
ภาษาอังกฤษหรือพม่าจะท�างานในองค์กรเหล่านี้ โดยได้ค่าตอบแทนประมาณ ๘๐๐ บาท ถึง ๑,๕๐๐ บาท ต่อเดือน โดยส่วนใหญ่
ผู้ที่ท�างานเหล่านี้มักเป็นหนุ่มสาว และวัยกลางคน
๕. การกลับไปเพาะปลูกในชายแดนประเทศพม่า/เมียนมาร์
ผู้ลี้ภัยจะปลูกข้าว ผัก ผลไม้ต่าง ๆ บริเวณชายแดนพม่า/เมียนมาร์ และเมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวก็จะกลับไปน�า
ผลผลิตเหล่านั้นมาบริโภคในค่ายผู้ลี้ภัย กรณีเช่นนี้พบไม่มากนัก เนื่องจากค่อนข้างเสี่ยงกับการตรวจค้นของทหารพม่า ทหารกองก�าลัง
ถืออาวุธชนกลุ่มน้อย และทหารไทยด้วย
50 51
ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว