Page 44 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 44

สถานการณ์ที่น�ามาสู่การอพยพและการตั้งค่ายผู้ลี้ภัย




                                      กองก�ำลังพม่ำบังคับให้ชำวบ้ำนของหมู่บ้ำน Koonee ย้ำยออกจำกหมู่บ้ำนถึง ๓ ครั้ง ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ๒๕๔๒

                  และ ๒๕๕๐ ก่อนกำรย้ำยหมู่บ้ำนครั้งที่สอง ทหำรพม่ำเผำท�ำลำยเรือหำปลำทั้ง ๖๒ ล�ำ ซึ่งชำวบ้ำนเอำไว้ใช้หำปลำและกบเพื่อด�ำรงชีวิต
                  ทหำรยังท�ำลำยหลังคำของกระท่อมท�ำให้ชำวบ้ำนไม่มีที่ก�ำบังในวันที่ฝนตก ชำวบ้ำนยังต้องมีหน้ำที่หุงหำอำหำรให้แก่ทหำรในทุกสัปดำห์
                  โดยค่ำวัตถุดิบและเครื่องปรุงรสชำวบ้ำนต้องรับผิดชอบร่วมกัน  แต่ละหมู่บ้ำนยังต้องเรี่ยไรเงินเพื่อจ่ำยค่ำคุ้มครองให้ทหำร  หมู่บ้ำนละ

                  ๕๐,๐๐๐ จ๊ำด และแต่ละครอบครัวยังต้องจ่ำยข้ำวสำร ๔ กิโลกรัมและเงินอีก ๒๐,๐๐๐ จ๊ำด แก่กองก�ำลังทหำรด้วย เพรำะผลจำกกำร
                  ถูกกระท�ำควำมรุนแรงดังกล่ำวเอง ชำวบ้ำนจึงทยอยเดินทำงออกมำจำกหมู่บ้ำนของตน

                                     • กำรจับชำวบ้ำนเข้ำห้องขังด้วยข้อหำติดต่อกับกองก�ำลังของกบฏ

                                      พอว์ลำ ชำวกะเหรี่ยงสกอร์ อำยุ ๕๓ ปี เธอเกิดที่หมู่บ้ำน Mar Lo Klo เรียนจบจำกโรงเรียนสอนศำสนำคริสต์
                  จำกย่ำงกุ้งและท�ำงำนเป็นมิชชันนำรีเผยแผ่ศำสนำ เธอได้เดินทำงไปอยู่อำศัยและเป็นครูสอนศำสนำวันอำทิตย์ในโบสถ์ในหมู่บ้ำน

                  Gaw Tha Sey ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้ำนเดิมของเธอ เธอแต่งงำนและมีครอบครัวในหมู่บ้ำนแห่งนี้กับสำมีซึ่งเป็นเกษตรกร เธอเล่ำว่ำในปี
                  พ.ศ. ๒๕๔๕ สำมีของเธอถูกกองก�ำลัง KNU ขอให้หำข้ำวสำรให้ แต่ทหำรพม่ำสืบรู้ สำมีของเธอจึงถูกจับตัวไปขัง ๘ เดือน
                                      กลุ่มกองก�ำลังส่วนใหญ่ที่ชำวบ้ำนกล่ำวถึงคือทหำรพม่ำ แต่อย่ำงไรก็ดี กลุ่มกองก�ำลัง KNU และ DKBA เอง

                  ในบำงเรื่องเล่ำก็เป็นผู้กระท�ำควำมรุนแรงรูปแบบนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ตัวอย่ำงเช่น เรื่องเล่ำของอิสมำอิล ที่หมู่บ้ำนของเขำถูกเผำท�ำลำย
                  โดยกองก�ำลัง KNU “คนเหล่ำนั้นมีปืน พวกเขำจึงกดขี่พวกเรำ” อิสมำอิลกล่ำว ขณะพยำยำมสงบสติอำรมณ์ ดวงตำของเขำยังคงแดง

                  ระเรื่อจำกกำรร้องไห้ เขำนับถือศำสนำอิสลำม อำยุ ๓๙ ปี มำจำกหมู่บ้ำน Nabu อ�ำเภอ Kaw Ka Reit รัฐกะเหรี่ยง หมู่บ้ำนนี้ตั้งอยู่ตรง
                  กลำงระหว่ำงควำมขัดแย้งของทหำรพม่ำและกองก�ำลัง KNU
                                      อิสมำอิลเล่ำว่ำ ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ชำวบ้ำนต้องจ่ำยเงินค่ำคุ้มครองให้แก่ทหำร KNU ทุกเดือน แต่หลังปีนั้น

                  ทหำรพม่ำได้เข้ำมำยังหมู่บ้ำนและสั่งให้ชำวบ้ำนหยุดจ่ำยเงินให้แก่กองก�ำลัง KNU คืนหนึ่ง ทหำร KNU ก็เข้ำมำลอบวำงเพลิงในหมู่บ้ำน
                   ทหำรพม่ำที่เห็นแสงไฟในหมู่บ้ำนก็ยิงอำวุธหนักเข้ำใส่หมู่บ้ำน ชำวบ้ำนบำดเจ็บล้มตำย เขำได้เห็นเพื่อนร่วมงำนคนหนึ่งเสียชีวิตและอีก
                  สองคนได้รับบำดเจ็บ ทหำร KNU ยังออกค�ำสั่งให้ชำวบ้ำนย้ำยออกจำกหมู่บ้ำนหลังจำกที่ได้เผำหมู่บ้ำนไปแล้ว


                                ๑.๒ การถูกบังคับเกณฑ์แรงงานไปเป็นลูกหาบ
                                    ผู้ให้สัมภำษณ์  ๒๔  คนจำกจ�ำนวนผู้ให้สัมภำษณ์ทั้งสิ้น  ๖๗  คน  (ร้อยละ  ๓๕.๘๒)  กล่ำวถึงประสบกำรณ์

                  กำรถูกเกณฑ์แรงงำนไปเป็นลูกหำบ  หรือกำรได้พบเห็นกำรเกณฑ์แรงงำนไปเป็นลูกหำบให้แก่กลุ่มกองก�ำลังพม่ำ  ผู้ให้สัมภำษณ์กล่ำวว่ำ
                  กองก�ำลังพม่ำมักจะเข้ำไปในหมู่บ้ำนและเกณฑ์ผู้ชำยในหมู่บ้ำนมำท�ำหน้ำที่เป็นลูกหำบ  อย่ำงไรก็ดี  หำกหมู่บ้ำนไม่มีจ�ำนวนผู้ชำย
                  มำกพอ กองก�ำลังทหำรก็จะเกณฑ์ผู้หญิงหรือเด็กมำท�ำงำนเป็นลูกหำบตำมล�ำดับกำรเป็นลูกหำบนั้นเป็นงำนที่อันตรำยและเสี่ยงภัย

                  อย่ำงยิ่งยวด เนื่องจำกผู้ที่เป็นลูกหำบจะต้องขนของที่มีน�้ำหนักมำก เช่น  อำวุธยุทโธปกรณ์และเสบียงให้แก่กองก�ำลังพม่ำ  ต้องเดินทำง
                  เข้ำไปในพื้นที่กำรสู้รบ  รวมถึงต้องผ่ำนสภำพแวดล้อมที่อันตรำย  เช่น  บริเวณพื้นที่ลำดชันของภูเขำ  พื้นที่ลื่นและขรุขระ  เป็นต้น

                  ตัวอย่ำงเช่น กรณีของพอว์พอว์ หญิงชำวกะเหรี่ยงอำยุ ๖๕ ปี เธอมำอำศัยในค่ำยผู้ลี้ภัยบ้ำนแม่หละ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๒-๒๕๓๓
                  มำจำกหมู่บ้ำน  Ta  Ku  Kraw  อ�ำเภอ  Kaw  Ka  Reit  เธอถูกเกณฑ์ไปเป็นลูกหำบหลำยครั้งเกินกว่ำที่เธอจะจ�ำได้  ครั้งแรกตอน
                  เธออำยุ ๒๑ ปี บำงครั้งเธอเลือกที่จะหนีเข้ำป่ำแทนกำรถูกเกณฑ์ไปเป็นลูกหำบ แต่ทหำรก็ยิงสุ่มเข้ำมำในป่ำที่พวกเธอหนีไปซ่อน ท�ำให้

                  พวกเธอต้องยินยอมท�ำตำมที่ทหำรต้องกำร พอว์พอว์เล่ำต่อว่ำ กำรเกณฑ์ไปเป็นลูกหำบนั้นมีรอบของกำรถูกเลือก หำกถึงรอบที่พวกเธอ
                  ต้องไป หำกไม่มีเงินจ้ำงคนอื่นไปแทนก็ต้องไปเอง กำรถูกเกณฑ์ไปเป็นลูกหำบนั้นถูกเกณฑ์ประมำณ ๑-๒ ครั้งต่อเดือน และใช้เวลำขน
                  เสบียงและอำวุธให้ทหำรจำกหมู่บ้ำนหนึ่งไปอีกหมู่บ้ำนหนึ่งประมำณ ๓-๔ วัน หรือมำกกว่ำ ขึ้นอยู่กับระยะทำงใกล้หรือไกล เธอเล่ำว่ำ

                  ทหำรสั่งให้พวกลูกหำบขนของที่หนัก ไม่ยอมให้หยุดพักหรือวำงของลงทั้งสิ้น อีกทั้งต้องขนสิ่งของผ่ำนพื้นที่อันตรำย เช่น เขตภูเขำชันที่
                  ต้องปีนป่ำย ลูกหำบได้รับกำรเลี้ยงดูไม่ดี ทหำรพม่ำให้ถั่วต้มเพียงเล็กน้อยเป็นอำหำรแก่ลูกหำบ





 30                                                                                                                  31
 ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว               ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49