Page 41 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 41
บทที่ ๒
ก้ำวล่วงอธิปไตยของพม่ำ/เมียนมำร์ และมีควำมหวำดระแวงประเทศไทยจนถึงกับตัดควำมร่วมมือทำงเศรษฐกิจกับไทย งดกำรให้
สัมปทำนกำรท�ำประมงแก่เรือประมงไทย หลังจำกเหตุกำรณ์นี้ไม่นำน ก็เกิดกรณี God’s Army บุกยึดโรงพยำบำลรำชบุรี ในเดือน
มกรำคม ๒๕๔๓ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบำลไทยช่วยเหลือกลุ่มกะเหรี่ยงที่ถูกทหำรพม่ำโจมตี เป็นที่น่ำสนใจว่ำ ในเหตุกำรณ์ครั้งนี้ท่ำทีของ
รัฐบำลไทยในกำรจัดกำรกับปัญหำแตกต่ำงไปอย่ำงสิ้นเชิงกับกรณีนักศึกษำพม่ำบุกยึดสถำนทูต อำจจะเป็นไปได้ที่ฝ่ำยไทยเกรงว่ำ
จะมีปัญหำควำมสัมพันธ์ไทย-พม่ำ/เมียนมำร์มำกยิ่งขึ้น รัฐบำลไทยได้เพิ่มควำมเข้มงวดในกำรดูแลผู้ลี้ภัยในค่ำยผู้ลี้ภัยต่ำงๆ และเพิ่ม
ควำมระมัดระวังในบริเวณชำยแดนมำกขึ้น ในขณะที่มีกำรสู้รบระหว่ำงกองทัพพม่ำและกองก�ำลังถืออำวุธชนกลุ่มน้อย ทั้งมอญและ
กะเหรี่ยง พร้อมกับเริ่มหำรือกับ UNHCR ในกำรหำแนวทำงในกำรส่งผู้ลี้ภัยกลับคืนสู่ถิ่นฐำนในประเทศพม่ำ/เมียนมำร์ และรับประกัน
ควำมปลอดภัยของคนเหล่ำนี้ แต่กำรด�ำเนินกำรดังกล่ำวย่อมต้องอำศัยควำมยินยอมร่วมมือของรัฐบำลพม่ำ/เมียนมำร์ ซึ่งยังไม่สำมำรถ
เป็นไปได้ เนื่องจำกยังไม่มีกำรเจรจำหยุดยิงระหว่ำงรัฐบำลพม่ำ/เมียนมำร์กับกองก�ำลัง KNU และ KnPP แต่ที่ส�ำคัญก็คือ รัฐบำลพม่ำ/
เมียนมำร์ เชื่อว่ำกองก�ำลังถืออำวุธชนกลุ่มน้อยดังกล่ำวอำศัยพื้นที่ในค่ำยผู้ลี้ภัยเป็นพื้นที่พ�ำนักอำศัย และถือว่ำเป็น “กลุ่มก่อกำรร้ำย”
จึงไม่รับกลับพม่ำ/เมียนมำร์ หำกไม่ยอมจ�ำนนมอบตัวกับรัฐบำล
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ มีกำรเปลี่ยนแปลงนโยบำยของรัฐบำลไทยต่อพม่ำ/เมียนมำร์ และต่อชนกลุ่มน้อยตำมชำยแดน
ไทย-พม่ำ/เมียนมำร์ที่ควรได้กล่ำวถึง นั่นคือ รัฐบำลไทยให้ควำมส�ำคัญต่อกำรทูตเชิงรุกด้ำนเศรษฐกิจและกำรฟื้นฟูควำมสัมพันธ์
ระหว่ำงประเทศ จึงประกำศยกเลิก “รัฐกันชน” เพรำะเห็นว่ำนโยบำยดังกล่ำวมีนัยต่อกำรสนับสนุนชนกลุ่มน้อยบริเวณชำยแดน
10
ไทย-พม่ำ/เมียนมำร์ อย่ำงไรก็ดี ในช่วงเวลำนั้น กองก�ำลัง KNU และ KnPP ต่ำงก็อ่อนก�ำลังและขำดศักยภำพที่จะเอำชนะกองทัพ
พม่ำได้ เพรำะขำดทั้งก�ำลังคนและอำวุธที่ทันสมัย กองทัพพม่ำกลับสำมำรถคุมพื้นที่ไว้ได้เกือบหมด ดังนั้น กองก�ำลังถืออำวุธชนกลุ่ม
น้อยจึงไม่มีบทบำทในฐำนะเป็น “รัฐกันชน” ให้แก่ฝ่ำยไทยได้เหมือนที่เคยเป็นในอดีต
๖. การเปลี่ยนแปลงลักษณะการอพยพลี้ภัย
ตลอดเวลำที่รัฐบำลพม่ำ/เมียนมำร์ ได้ปรำบปรำมกองก�ำลังถืออำวุธชนกลุ่มน้อย จนท�ำให้มีผู้หนีภัยกำรสู้รบเข้ำมำอยู่
ในค่ำยผู้ลี้ภัยตำมแนวชำยแดนไทยเป็นอย่ำงมำก ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นต้นมำ ท�ำให้เกิดควำมเดือดร้อนอย่ำงสำหัสแก่ชำวบ้ำน
ที่เป็นพลเรือน หรือสมำชิกครอบครัวที่เป็นสมำชิกกองก�ำลังถืออำวุธชนกลุ่มน้อย รัฐบำลไทยได้มีนโยบำยให้ควำมช่วยเหลือด้ำน
มนุษยธรรมมำโดยตลอด ทั้งๆ ที่รัฐบำลไทยไม่ได้เข้ำร่วมภำคีอนุสัญญำว่ำด้วยสถำนภำพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑ ในขณะเดียวกัน รัฐบำลไทย
ได้อนุญำตให้องค์กรเอกชนระหว่ำงประเทศเป็นจ�ำนวนมำกเข้ำมำให้กำรสงเครำะห์ช่วยเหลือในด้ำนต่ำงๆ เช่น กำรรักษำพยำบำล
กำรศึกษำ กำรปันส่วนอำหำร กำรก่อสร้ำงและซ่อมแซมค่ำยผู้ลี้ภัย องค์กรเหล่ำนี้ ได้แก่ UNHCR TBC IRC องค์กำรแพทย์
ไร้พรมแดน (Médecins Sans Frontières: MSF) ฯลฯ นอกจำกนั้น ยังมีองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยควำมช่วยเหลือขององค์กรทำงศำสนำ
Karen Christian Relief Committee ซึ่งต่อมำเรียกตัวเองว่ำ Karen Refugees Committee (KRC) ท�ำหน้ำที่ดูแลผู้ลี้ภัย
ที่อยู่ในค่ำยผู้ลี้ภัยที่มีชำวกะเหรี่ยงอำศัยอยู่เป็นจ�ำนวนมำก ในกรณีของผู้ลี้ภัยที่มำจำกรัฐคะยำห์หรือรัฐคะเรนนี ก็มีองค์กรที่ท�ำหน้ำที่
คล้ำยกัน คือ KnRC องค์กรเหล่ำนี้ต่ำงมีบทบำทส�ำคัญในกำรให้ควำมช่วยเหลือในด้ำนต่ำงๆ แก่ผู้ลี้ภัย รวมทั้งประสำนงำนกับองค์กำร
นำนำชำติและเจ้ำหน้ำที่กระทรวงมหำดไทยที่เป็นผู้ก�ำกับดูแลค่ำยผู้ลี้ภัย ทั้งฝ่ำยรัฐบำลไทย และ UNHCR ยังท�ำหน้ำที่หำลู่ทำงเตรียมส่ง
10
เพิ่งอ้ำง, หน้ำ ๑๒๔
28 29
ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว