Page 37 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 37

บทที่ ๒







               กำรสู้รบในเขตรัฐชนกลุ่มน้อยดังกล่ำวนี้  ย่อมมีผลกระทบต่อประชำชนในพื้นที่  ท�ำให้ประชำชนต้องหลบหนีเข้ำมำในประเทศไทย
                                                                                           4
               เป็นระยะๆ  ตลอดเวลำ  นโยบำยของรัฐบำลไทยในช่วงนั้น  จึงนับว่ำ  “มีไมตรีจิตต่อชนกลุ่มน้อย” จึงรับผู้อพยพไว้และให้ควำม
               ช่วยเหลือด้วยเหตุผลทำงด้ำนมนุษยธรรมและไม่ได้ผลักดันบุคคลเหล่ำนี้กลับประเทศพม่ำ/เมียนมำร์  รัฐบำลไทยไม่ได้ถือว่ำบุคคลเหล่ำนี้

               เป็น “ผู้ลี้ภัย” เนื่องจำกรัฐบำลไทยไม่ได้เข้ำร่วมภำคีอนุสัญญำว่ำด้วยสถำนภำพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑ แต่ถือว่ำเป็น “ผู้พลัดถิ่นสัญชำติพม่ำ”
               กำรอพยพหนีภัยจำกกองทัพพม่ำเข้ำมำในประเทศไทยของชนกลุ่มน้อยเหล่ำนี้ในช่วงแรกๆ นี้ เกิดขึ้นบ่อยจนกลำยเป็นสิ่งปกติที่สำมำรถ
               คำดกำรณ์ได้ เพรำะกำรสู้รบระหว่ำงกองทัพของรัฐบำลพม่ำ/เมียนมำร์และกองก�ำลังถืออำวุธชนกลุ่มน้อยจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง

               ของทุกปี เมื่อถึงฤดูฝนกองทัพพม่ำจะยกทัพกลับไป ประชำชนชนกลุ่มน้อยที่อพยพหนีภัยก็จะอพยพกลับถิ่นฐำนของตนเองอำจจะเหลือ
               ตกค้ำงอำศัยอยู่กับญำติพี่น้องของตนเองบ้ำง  จึงมีข้อสังเกตว่ำ  “รัฐบำลไทยไม่มีควำมจ�ำเป็นใดๆ  ที่จะต้องมีมำตรกำรหรือนโยบำยที่
                                                           5
               จะเข้ำมำดูแลในสถำนกำรณ์อพยพลี้ภัยตำมฤดูกำลเหล่ำนี้”  แต่ยังกลับเห็นว่ำเป็นผลดีต่อควำมมั่นคงของประเทศในขณะนั้นบ้ำง จึงมี
               ข้อสังเกตว่ำ  “รัฐบำลไทยไม่มีควำมจ�ำเป็นใดๆ  ที่จะต้องมีมำตรกำรหรือนโยบำยที่จะเข้ำมำดูแลในสถำนกำรณ์อพยพลี้ภัยตำมฤดูกำล
                     6
               เหล่ำนี้”  แต่ยังกลับเห็นว่ำเป็นผลดีต่อควำมมั่นคงของประเทศในขณะนั้น



                       ๒. ท่าทีของรัฐบาลไทยต่อการอพยพหนีภัย



                          นโยบำยของรัฐบำลไทยต่อสถำนกำรณ์กำรอพยพลี้ภัยเริ่มมีควำมชัดเจนขึ้นในช่วงกลำงทศวรรษ  ๑๙๘๐  โดยห้ำมผู้อพยพ

               มิให้ด�ำเนินกำรใดๆ ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบำลพม่ำ/เมียนมำร์และให้มีกำรควบคุมและติดตำมควำมเคลื่อนไหว แต่เนื่องจำกพื้นที่
               ชำยแดนเต็มไปด้วยเขตป่ำทึบและเทือกเขำ ท�ำให้ผู้อพยพสำมำรถเล็ดลอดเข้ำมำได้ง่ำย ฝ่ำยไทยเองไม่มีเจ้ำหน้ำที่เพียงพอที่จะ
               ระแวดระวังป้องกันไม่ให้มีกำรอพยพเข้ำมำในเขตไทย ถึงแม้จะมีกำรจับกุมและส่งกลับไป แต่บุคคลเหล่ำนี้ก็เดินทำงกลับมำอีก ยิ่งกว่ำนั้น

               หมู่บ้ำนกลุ่มชำติพันธุ์ฝั่งชำยแดนไทยล้วนแล้วแต่มีควำมผูกพันทำงชำติพันธุ์หรือเครือญำติกับผู้อพยพหนีภัย  ดังนั้น  ผู้อพยพหนีภัยจึง
               มักจะมำขอพักอำศัย ขอควำมช่วยเหลือเป็นกำรชั่วครำว และอพยพกลับเมื่อเหตุกำรณ์กำรปะทะกันสงบลง อย่ำงไรก็ดี รัฐบำลไทยได้

               ถือหลักกำรให้ควำมช่วยเหลือด้ำนมนุษยธรรมแก่ผู้ที่หนีภัยสงครำม  จึงได้ตั้ง  “ศูนย์แรกรับ”  ขึ้นในบริเวณชำยแดนจังหวัดกำญจนบุรี
               ตรงข้ำมกับรัฐมอญพื้นที่ตรงข้ำมกับรัฐกะเหรี่ยง ในจังหวัดกำญจนบุรี จังหวัดรำชบุรีและจังหวัดตำก พื้นที่ตรงข้ำมกับรัฐคะยำห์ ได้แก่
               พื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีหน่วยงำนองค์กรเอกชนระหว่ำงประเทศเข้ำมำให้ควำมช่วยเหลือด้ำนปัจจัยสี่

               แก่ผู้หนีภัยเหล่ำนี้
                           อย่ำงไรก็ดี ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นปีที่มีกำรเปลี่ยนแปลงที่ส�ำคัญ ซึ่งน�ำมำสู่พัฒนำกำรรูปแบบใหม่ของพื้นที่พักพิงชั่วครำว
               ทั้งนี้เพรำะรัฐบำลพม่ำ/เมียนมำร์ได้ส่งทหำรเข้ำปรำบปรำมกองก�ำลังของกะเหรี่ยงอย่ำงหนักหน่วง  มีผู้หนีภัยจำกกำรสู้รบเป็นจ�ำนวนมำก

               ท�ำให้รัฐบำลไทยต้องรวบรวมคนเหล่ำนี้ไปพักอำศัยที่พื้นที่พักพิงชั่วครำวบ้ำนห้วยกะโหลก ต�ำบลแม่ปะ อ�ำเภอแม่สอด กำรด�ำเนินกำร
               ดังกล่ำวนี้ถือว่ำเป็นกำรให้ควำมช่วยเหลือตำมหลักมนุษยธรรม ดังที่รัฐบำลไทยได้เคยปฏิบัติต่อผู้อพยพจำกอินโดจีนมำก่อน ทั้งนี้
               โดยมีองค์กรเอกชนระหว่ำงประเทศเป็นผู้ให้ควำมช่วยเหลือในด้ำนปัจจัยสี่ ปรำกฏว่ำมีผู้หนีภัยจำกกำรสู้รบต้องกำรที่พ�ำนักในประเทศไทย

               มำกกว่ำที่จะกลับไปเผชิญกับกำรปรำบปรำมจำกทหำรพม่ำ ในขณะเดียวกันรัฐบำลพม่ำ/เมียนมำร์ได้วำงมำตรกำรป้องกันบุคคล
               ที่หลบหนีออกจำกประเทศไม่ให้เดินทำงกลับเข้ำประเทศ โดยออกเป็นกฎหมำยว่ำด้วยควำมเป็นพลเมืองของพม่ำ/เมียนมำร์ (Burmese

               Citizenship Law) เพื่อให้บุคคลที่มีควำมสัมพันธ์กับกองก�ำลังที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบำลพม่ำ/เมียนมำร์ เป็นผู้ขำดจำกกำรเป็นพลเมือง


                       4
                        เพิ่งอ้ำง, หน้ำ ๒๓
                       5   เพิ่งอ้ำง, หน้ำ ๑๘
                        เพิ่งอ้ำง, หน้ำ ๑๘
                       6
             24                                                                                                                                                                                                                             25
             ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว                                                                                                                           ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42