Page 22 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 22

ความเป็นมาและวิธีการศึกษา

                              ๓.๒ การเก็บข้อมูลในค่ายผู้ลี้ภัย ประกอบด้วยขั้นตอนและวิธีการ ดังนี้

                                  ก. คณะผู้วิจัย การด�าเนินงานวิจัยนี้ได้แบ่งทีมนักวิจัยออกเป็น ๒ คณะ คือ
                                  • คณะแรก รับผิดชอบในการเก็บข้อมูลในค่ายผู้ลี้ภัยบ้านแม่หละ โดยมีนักวิจัยหลัก คือ ดร.เดชา ตั้งสีฟ้า อาจารย์

                                    ประจ�าจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีประสบการณ์และคุ้นเคยกับค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้เป็น
                                               อย่างดี
                                  • คณะที่สอง  รับผิดชอบในการเก็บข้อมูลในค่ายผู้ลี้ภัยบ้านนุโพ  ค่ายผู้ลี้ภัยบ้านถ�้าหิน  และค่ายผู้ลี้ภัยบ้านใหม่

                                      ในสอย โดยมีนักวิจัยหลักร่วมรับผิดชอบทั้งสามค่าย คือ ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ และ ดร.มาลี สิทธิเกรียงไกร
                                                  จากศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา  คณะสังคมศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ทั้งนี้  แต่ละคณะจะมี
                                               นักวิจัยสนาม จ�านวน ๑ คน และมีนักวิจัยประสานงานโครงการ จ�านวน ๑ คน

                                  ข. การเตรียมการ
                                    ก่อนเริ่มโครงการวิจัยฯ คณะผู้วิจัยได้แนะน�าโครงการวิจัยกับองค์กรภาคประชาสังคมผู้ลี้ภัย ได้แก่ คณะกรรมการ

                  ผู้ลี้ภัยกะเหรี่ยงแดง (Karenni Refugee Committee: KnRC) คณะกรรมการผู้ลี้ภัยกะเหรี่ยง (Karen Refugee Committee: KRC)
                  องค์กรผู้หญิงกะเหรี่ยง (Karen Women Organization: KWO) Burma Partnership (BP) วิทยาลัยชุมชนกะเหรี่ยงแดง (Karenni

                  Community  College:  KnCC)  นอกจากนี้  ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการด�าเนินงานโครงการวิจัยฯ  และการสัมภาษณ์อย่างไม่เป็น
                  ทางการเกี่ยวกับลักษณะทั่วไปของค่ายผู้ลี้ภัย รวมทั้งลักษณะทางเศรษฐกิจสังคมของผู้ลี้ภัย บทบาทขององค์กรเหล่านี้ต่อผู้ลี้ภัย ปัญหา
                  อุปสรรคต่าง ๆ

                                  ค. การเก็บข้อมูล
                                    ช่วงเริ่มต้น  โครงการวิจัยฯ  นี้ได้วางแนวทางการเก็บข้อมูลไว้โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ลี้ภัย  โครงการวิจัยฯ

                  ต้องการรับฟังข้อคิดเห็น ความเป็นห่วงกังวล ความต้องการ ปัญหา และความวิตกกังวลของผู้ลี้ภัยในกรณีที่ต้องกลับประเทศพม่า/
                  เมียนมาร์ โดยให้ผู้ลี้ภัยมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล ข้อคิดเห็นและเสนอแนวทางเลือก ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้ขอให้ส�านักงานคณะกรรมการ
                  สิทธิมนุษยชนแห่งชาติช่วยประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอให้อ�านวยความสะดวกในการเก็บข้อมูลในค่ายผู้ลี้ภัยที่เลือก

                  ไว้ทั้ง ๔ ค่าย แต่กระทรวงมหาดไทยไม่สามารถเอื้ออ�านวยความสะดวกได้ ดังนั้น จึงท�าให้โครงการวิจัยฯ จ�าเป็นต้องปรับเปลี่ยนค�าถาม
                  การวิจัย และวิธีการเก็บข้อมูล โดยเปลี่ยนจากการรับฟังข้อคิดเห็น หรือการเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ลี้ภัย ซึ่งคณะผู้วิจัยเป็นผู้เก็บข้อมูล

                  จากผู้ลี้ภัยโดยตรง ไปสู่การอบรมให้ผู้ช่วยนักวิจัยสนามเป็นผู้เก็บข้อมูลแทน ผู้ช่วยนักวิจัยสนามเหล่านี้เป็นผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับ
                  ค่ายผู้ลี้ภัย  มีความสามารถด้านภาษา  และเข้าใจวัตถุประสงค์ของโครงการวิจัยฯ  แต่อย่างไรก็ดี  คณะผู้วิจัยทั้งสองคณะก็ยังใช้วิธีการ
                  สัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลหลัก (Key Informant Interview) เพื่อเก็บข้อมูลในด้านต่างๆ และสัมภาษณ์ผู้ลี้ภัยจ�านวนหนึ่งที่สามารถออกมา

                  ประชุมข้างนอกค่ายผู้ลี้ภัยกับองค์กรต่าง ๆ ดังนั้น วิธีการเก็บข้อมูล จึงประกอบด้วย

                                    (๑) การเก็บข้อมูลภายในค่ายผู้ลี้ภัยโดยผู้ช่วยนักวิจัยสนาม
                                        ผู้ช่วยนักวิจัยสนามนี้จะได้รับการฝึกอบรมประมาณ  ๓  -  ๕  วัน  เพื่อให้เข้าใจวัตถุประสงค์  หลักการ

                  และวิธีการเก็บข้อมูล ค�าถามการวิจัย ในการอบรมยังเน้นว่าให้ด�าเนินการเก็บข้อมูล เช่น การสัมภาษณ์ให้หลีกเลี่ยงการน�าแนวค�าถาม
                  มาเปิดอ่าน หลีกเลี่ยงการถามเพียงฝ่ายเดียว แต่ให้ด�าเนินการเสมือนการสนทนา เน้นการมีส่วนร่วมของผู้ถูกวิจัย โดยการเปิดโอกาส
                  ให้มีการซักถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือเลือกที่จะตอบหรือไม่ตอบบางค�าถามก็ได้ ในการอบรมนี้ คณะผู้วิจัยต้องใช้ภาษาอังกฤษ

                  หรือพม่าในการสื่อสาร และมีการแปลสรุป เปิดโอกาสให้ซักถามเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้ารับการอบรมมีความเข้าใจประเด็นส�าคัญ
                  และวิธีการเก็บข้อมูลอย่างดี
                                        นอกจากนี้  ผู้ช่วยนักวิจัยสนามจะต้องมีความละเอียดอ่อนต่อข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างนักวิจัย

                  กับผู้ถูกวิจัย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวค�าถามเกี่ยวกับการส่งกลับไปประเทศต้นทาง  ผู้ช่วยนักวิจัยสนามจะต้องสร้างความไว้วางใจและ
                  ความเชื่อมั่นว่า  ผู้ถูกวิจัยจะไม่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการให้ข้อมูล  แต่ต้องท�าให้เห็นว่าข้อมูลที่ได้มานี้จะเป็นประโยชน์

                  ต่อการก�าหนดนโยบายของรัฐต่อผู้ลี้ภัย ดังนั้น การเก็บข้อมูลโดยผู้ช่วยนักวิจัยสนามนี้จึงมีความส�าคัญอย่างยิ่ง

 8                                                                                                                    9
 ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว               ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27