Page 178 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 178
(๔) ขาดการจัดตั้งองค์กรกลางในการประสานงานในเรื่องการค้ามนุษย์ ทําให้การต่อต้าน
การค้ามนุษย์มีลักษณะต่างคนต่างทํา แม้จะมีความร่วมมือในลักษณะทวิภาคีก็ตาม แต่จากการที่ผู้วิจัย
เดินทางไปเก็บข้อมูลและสัมภาษณ์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนสัญญาแบบทวิภาคีทั้ง ๔
ประเทศ ล้วนมีข้อเสนอแนะให้มีการจัดตังองค์กรกลางในระดับภูมิภาค รวมทั้งการปรับปรุงข้อตกลงใหม่
ให้เท่าทันสถานการณ์การค้ามนุษย์ที่ซับซ้อนมากขึ้น มีการประชุมร่วมกันในระดับคณะทํางาน และใน
ระดับคณะกรรมการร่วมให้ถี่มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา การจัดตั้งองค์กรกลางในระดับภูมิภาคจะทําให้การ
ปูองกันและแก้ไขป๎ญหาเป็นระบบมากขึ้น มีการเชื่อมโยงกันมากขึ้น มีการคํานึงถึงสถานการณ์ของแต่ละ
ประเทศ และหลักยึดหลักสิทธิมนุษยชน การบังคับใช้กฎหมายได้มากขึ้น นอกจากนี้ องค์กรกลางยัง
สามารถมีบทบาทในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน และบูรณาการระหว่างหลายหน่วยงานในการ
ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ
(๕) ขาดการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคประชาสังคมระหว่างประเทศ ความร่วมมือที่
ผ่านมามุ่งเน้นระดับรัฐกับรัฐซึ่งเป็นความร่วมมือในระดับบน ความร่วมมือระหว่างภาคประชาสังคมมีอยู่
บ้าง ซึ่งสามารถแก้ไขป๎ญหาการค้ามนุษย์อย่างเป็นรูปธรรมเป็นรายกรณี แต่ความร่วมมือในลักษณะ
ดังกล่าวยังไม่กว้างขวางเท่าที่ควร ทําให้การปูองกันและปราบปรามการค้ามนุษย์บนความร่วมมือระหว่าง
รัฐยังไม่ลงลึกถึงระดับรากฐานของป๎ญหา
๔.๗ แนวทางในการสร้างและพัฒนากลไกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในอาเซียน
ผลการศึกษากลไกความร่วมมือ และป๎ญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นซึ่งประกอบด้วย ความไม่มี
ประสิทธิภาพของกฎหมายแต่ละ บันทึกข้อตกลงแบบทวิภาคีระหว่างประเทศยังไม่ครอบคลุม การขาด
กฎหมายกลางของภูมิภาคอาเซียนที่เปรียบเสมือนธรรมนูญของชาวอาเซียนแบบเดียวกับกฎหมายของ
สหภาพยุโรป ขาดการจัดตั้งองค์กรกลางในการประสานงานในเรื่องการค้ามนุษย์ และขาดการส่งเสริม
ความร่วมมือระหว่างภาคประชาสังคมระหว่างประเทศนั้น จากการสัมภาษณ์ มโนลิน เทบคําวงศ์,
(สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘) ผู้อํานวยการองค์กรกฎหมายและภาคีการพัฒนาของสาธารณะ
ประชาธิปไตยประชาชนลาว ชุม เม (สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๘) ผู้อํานวยการองค์กรให้ความ
ช่วยเหลือเด็กกลุ่มเสี่ยง ในราชอาณาจักรกัมพูชา เอเอ มาร์ จอ (สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘)
ซึ่งเป็นผู้แทนองค์กร United Nations Action for Cooperation against Trafficking in Person (UN
– ACT) ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ยอร์ด บลังชาร์ด (สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘)
ผู้อํานวยการองค์กร Alliance Anti Trafficking ในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียตนาม และอีกลิว เฟอร์นันเดซ
(สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘) ผู้อํานวยการองค์กร Tenaganita (Women’s Force) ใน
สหพันธรัฐมาเลเซีย เห็นพ้องกันว่า ต้องมีการปรับปรุงกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศให้มีความกระชับ
มากขึ้น คณะกรรมการระดับปฏิบัติการควรประชุมร่วมกันให้บ่อยขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นว่า ที่ผ่านมามุ่งเน้น
การพัฒนากลไกในการปูองกันและแก้ไขป๎ญหาการค้ามนุษย์ระดับชาติ และระดับภูมิภาคมากเกินไปจน
ละเลยการพัฒนากลไกในระดับพื้นที่ซึ่งมีความสําคัญในการปูองกันและแก้ไขป๎ญหาการค้ามนุษย์ที่มี
ประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากกว่า ซึ่งได้เกิดความร่มมือระหว่างองค์กรภาคประชาสังคมขึ้นแล้ว แต่
ยังไม่กว้างขวางเท่าที่ควร ดังนั้น แนวทางในการสร้างและพัฒนากลไกในการปูองกันและแก้ไขป๎ญหา
๑๕๘