Page 175 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 175

๗.  จะใช้ปฏิบัติการ/มาตรการที่แข็งกร้าวในการปราบปรามบุคคลและ/ หรือกลุ่มอาชญากรที่
                                เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และจะให้ความสนับสนุนอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แก่

                                ประเทศสมาชิกในการเอาผิดการกระทําต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
                            ๘.  จะนํามาตรการต่างๆ มาใช้เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการปูองกันและปราบปราม
                                การค้ามนุษย์ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศ
                          ประเทศไทยได้ให้ความสําคัญต่อป๎ญหาการค้ามนุษย์ และได้แสดงบทบาทและเข้าร่วมในที่ประชุม

                   ในกรอบอาเซียนอย่างสม่ําเสมอ ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ ๖
                   (พฤศจิกายน ๒๕๕๐) ได้ตกลงใจที่จะพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการค้า
                   มนุษย์ (ASEAN Convention) ต่อมา ที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
                   (ASEAN Senior Officials Meeting on Transnational Crime – SOMTC) ครั้งที่ ๘ เมื่อเดือนมิถุนายน

                   ๒๕๕๑ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้เห็นชอบในหลักการที่จะจัดทําอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการค้ามนุษย์
                   (ASEAN Convention  on Trafficking in Persons)  อันเป็นข้อเสนอของอินโดนีเซียโดยมอบหมายให้
                   ฟิลิปปินส์เป็นผู้จัดการประชุมเพื่อหารือถึง ความเป็นไปได้ในการจัดทําอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการค้า
                   มนุษย์ข้างต้น

                          ต่อมา ในที่ประชุม SOMTC  ครั้งที่ ๙ ระหว่างวันที่ ๓๐ มิถุนายน – ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ณ
                   เมืองเนปิดอว์ สหภาพเมียนมา ที่ประชุมมีมติ ให้ส่งความเห็นเรื่องการเจรจาความเป็นไปได้เรื่องการจัดทํา
                   อนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ให้กับสํานักเลขาธิการอาเซียนต่อไป ซึ่งประเทศสมาชิก

                   เห็นชอบในหลักการในการจัดทําอนุสัญญา ดังกล่าว และอนุสัญญา ฯ ควรส่งเสริมการดําเนินงานของ
                   กฎหมายภายในประเทศในเรื่องการค้ามนุษย์
                          และเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ผู้นําอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศได้มีการลงนามในอนุสัญญา
                   อาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ASEAN  Convention  Against
                   Trafficking in Persons, Especially Women and Children) ภายหลังการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้ง

                   ที่ ๒๗ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งอนุสัญญาฉบับนี้มีวัตถุประสงค์สําคัญเพื่อเป็นการส่งเสริมความร่วมมือ
                   ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการปูองกันและต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเน้นการแก้ไขป๎ญหาการค้า
                   มนุษย์ที่ต้นเหตุ อาทิ การขจัดความยากจน การลดป๎จจัยเกื้อหนุนและปูองกันการตกเป็นเหยื่อซ้ําและการ

                   ส่งเสริมความร่วมมือข้ามแดน โดยเฉพาะการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารคนเข้าเมือง การคุ้มครอง
                   ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการส่งกลับ การบังคับใช้กฎหมาย อาทิ การยึดทรัพย์ การให้ความ
                   ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา การส่งผู้ร้ายข้ามแดน และความร่วมมือระหว่างประเทศอื่นๆ
                          จะเห็นได้ว่า นับตั้งแต่การมีปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและ

                   เด็ก (ASEAN Declaration Against Trafficking in Persons Particularly Women and Children)
                   เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ จนถึงการมีอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์
                   โดยเฉพาะสตรีและเด็ก(ASEAN Convention Against Trafficking in Persons, Especially Women
                   and Children)  มีระยะเวลาห่างกัน ๑๑ ปี แต่ป๎ญหาการค้ามนุษย์ในภูมิภาคอาเซียนก็ยังคงมีต่อไป และ

                   ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แสดงให้เห็นว่า ความร่วมมือในรูปแบบของอนุสัญญาพหุภาคียังไม่จริงจัง ซึ่งมี
                   ป๎ญหา อุปสรรคที่สามารถแยกเป็น ๕ ประเด็นได้ดังนี้





                                                            ๑๕๕
   170   171   172   173   174   175   176   177   178   179   180