Page 132 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 132

เขาเห็นว่า การที่ชาวโรฮิงญาถูกข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทําให้ต้องถูกนําไปขังไว้ที่ห้องกักของ
                   ตม. ซึ่งมีขนาดเล็ก สภาพความเป็นอยู่เลวร้ายมาก อากาศร้อน บางคนปุวยระหว่างการเดินทางมากับเรือ

                   เพราะแออัดและขาดอาหาร เมื่อมาอยู่ในห้องกักที่คับแคบ พักผ่อนน้อย บางคนนอนไม่หลับ  ทําให้ต้อง
                   เสียชีวิต  ผู้หญิงและเด็กต้องถูกแยกออกไปอยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัว ทําให้ขาดการติดต่อกับสามี
                   เป็นเวลานาน จนเกิดความเครียด จึงอาจมีการแสดงความก้าวร้าวออกมาบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี และ
                   อาจจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของเจ้าหน้าที่คนไทยที่ให้ความช่วยเหลือ เขาจึงฝากขอโทษมายังคนไทย

                   ทุกคนด้วย
                          เขาประมาณการว่า มีชาวโรฮิงญา ที่อพยพมาอยู่ในประเทศไทยประมาณ ๘,๐๐๐ – ๙,๐๐๐ คน
                   รวมเด็กที่เกิดที่ประเทศไทยด้วย  ที่อพยพเข้ามาใหม่มีประมาณ ๑๘,๐๐๐ คน แบ่งเป็นอยู่ในห้องกัก
                   ประมาณ ๑,๐๐๐ กว่าคน ซึ่งมีความเป็นอยู่ที่ลําบากที่สุด อยู่ในห้องอย่างเดียวเป็นปี ๆ ไม่เห็นแดด บาง

                   คนเดินไม่ได้ บางคนไม่สบายเสียชีวิตก็มี อีกประมาณ ๔๐๐ – ๕๐๐ คน อยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัว
                   ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีประมาณ กลุ่มนี้มีชีวิตที่ดี  และอีกประมาณ
                   ๗,๐๐๐ คน อยู่กับนายหน้า  และอยู่ระหว่างการพิสูจน์สัญชาติอีก ๙,๐๐๐ คน   มีคนตายในห้องกักของ
                   ตม. ประมาณ ๑๐๐  คน ตายบนเรือกับในสวนยางที่อยู่กับนายหน้า คิดว่าตั้งเเต่เกิดเรื่องเป็นหมื่นคน บาง

                   คนมาทางเรือ และอยู่ใต้ท้องเรือขอน้ํากินไม่ได้ ๑๕ – ๒๐ วัน ถึง ๑ เดือน ไม่ให้น้ํา ลุกขึ้นไม่ได้ ใต้ท้องเรือ
                   ร้อน บางคนโดดน้ําเสียชีวิต บางคนโดนซ้อม โดนตี เสียชีวิต บางคนลงที่เกาะไม่ให้น้ํา ไม่ให้อาหาร ไม่ให้
                   กินเยอะ เสียชีวิตพอสมควร

                          เขายังได้ให้ข้อมูลอีกว่า จริง ๆ แล้วประเทศไทยไม่ใช่ประเทศปลายทางของผู้อพยพชาวโรฮิงญา
                   ประเทศไทยเป็นแค่ทางผ่าน  ประเทศที่เขาอยากไปคือประเทศมาเลเซียเพราะทํามาหากินง่ายกว่า งานที่
                   ทําคือเป็นลูกจ้างอยู่ในโรงงาน ทํางานก่อสร้าง ทํางานเชื่อมโลหะ ทําสวนยาง ทําการประมง  บางคนมี
                   รายได้ดี บางคนได้น้อย บางคนลําบากก็มี
                          การอพยพมีตลอดปี ช่วงเวลาไหนไม่คิดเลย ร้อนยังไง ก็มาได้ เพราะเรือมันใหญ่มาก เรือลําหนึ่ง

                   บรรทุกได้ ๕๐๐ คน อัดเข้าไปได้ถึง ๙๐๐ คน  ๕ – ๖ เดือนที่แล้ว นายหน้าจะชักชวนอย่างไรก็ไม่มาแล้ว
                   เพราะกลัว  ตอนนี้จึงมีการลักพาตัวมา จับตัวแล้วก็ขึ้นรถ แล้วส่งท่าเรือ บางคนโดนดมยา ไม่รู้สึกตัว เขา
                   รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในเรือแล้ว  และวิธีการเอาคนขึ้นบกก็เปลี่ยนไป คือเรือที่บรรทุกคนมาจะลอยลําอยู่ในอ่าว

                   ไทย เอาค่อยเอาเรือเล็กมารับไปถึงสวนยางหรือลงที่เกาะใดเกาะหนึ่ง พอขึ้นฝ๎่งประเทศไทยก็มีคนมารับ
                   ช่วงต่อ
                          กระบวนการนายหน้ามันเหมือนมากกว่าลูกโซ่คือมีการทํางานกันเป็นทีม เป็นเครือข่ายกันเลย
                   ตั้งแต่พม่า บังคลาเทศ ถึงประเทศไทย ถึงมาเลเซีย ถ้าโดนตํารวจจับ ก็ต้องอยู่ในห้องขัง คนไหนที่ญาติรู้ก็

                   รับตัวออกไป   ญาติจะรู้ ไถ่ตัว โอนเงินมาให้ จะส่งตัวไปให้ บางครั้งโอนเงินช้าไป ๒ – ๓ วันลูกและพี่น้อง
                   เสียชีวิตแล้ว นายหน้าได้เงินฟรี บางคนโอนเงินมาแล้ว ไม่ส่งตัวก็มี ปิดโทรศัพท์ แล้วเปิดอีกเครื่องหนึ่ง
                   บอกว่ายังไม่ได้โอนเงินมาให้เลย ขายสามรอบก็มี สําหรับผู้หญิงรอบแรกพ่อกับแม่  รอบสองมาจากที่ญาติ
                   ที่มาเลเซีย รอบสามขายให้คนอื่นที่ต้องการทําเมีย คนที่แข็งแรง ขายให้เรือประมง  คนที่ถูกหลอกหรือถูก

                   บังคับมา ไปเอาคนลงเรือ จะโดยวิธีไหนก็ตาม นายหน้าจะได้ ๓,๐๐๐ บาทต่อคน แล้วคนเหล่านี้ก็จะถูก
                   ขายต่อในราคา ๕๐,๐๐๐ – ๗๐,๐๐๐ บาทต่อหัว กิจการที่คนโรฮิงญาถูกหลอกไปทํามากที่สุดคือประมง
                   และกรีดยาง  พวกที่ไปทําประมงกลับมาไม่ได้ ส่วนพวกกรีดยางก็อาจจะรอดชีวิตได้  สมัยก่อนมีคนที่ถูก




                                                            ๑๑๒
   127   128   129   130   131   132   133   134   135   136   137