Page 65 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 65
๓๘
5 ปีแต่ไม่เกิน 30 ปี และอำจขออนุญำตพื้นที่ปลูกป่ำในพื้นที่ที่ตนเคยท ำประโยชน์หรืออยู่อำศัยได้อีก
ไม่เกิน 35 ไร่ต่อครอบครัว มีก ำหนดเวลำครำวละไม่น้อยกว่ำ 5 ปีแต่ไม่เกิน 30 ปีเช่นกันและต้องเสีย
ค่ำธรรมเนียมตำมที่กฎหมำยก ำหนด หำกผู้ได้รับอนุญำตละทิ้งไม่ท ำประโยชน์หรือไม่อยู่อำศัยในที่ดิน
ที่ได้รับอนุญำตติดต่อกันเกินสองปี หรือยินยอมให้ผู้อื่นนอกจำกบุคคลในครอบครัวเข้ำท ำประโยชน์ หรือ
ไม่ปฏิบัติตำมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในระเบียบที่อธิบดีกรมป่ำไม้ก ำหนดก็อำจถูกเพิกถอนกำรอนุญำตได้
สิทธิในกำรอยู่อำศัยหรือท ำประโยชน์ในที่ดินนั้นจะสิ้นสุดหลังจำกผู้ได้รับอนุญำต
ถึงแก่ควำมตำย บุคคลในครอบครัวซึ่งอำศัยอยู่กับผู้ได้รับอนุญำตมีสิทธิอยู่อำศัยหรือท ำประโยชน์ในที่ดิน
นั้นต่อไปได้แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ผู้ได้รับอนุญำตถึงแก่ควำมตำย แต่สิทธิดังกล่ำวสำมำรถ
ตกทอดไปยังสำมี ภรรยำ บุตรคนหนึ่งคนใดหรือบุคคลในครอบครัวซึ่งอำศัยอยู่กับผู้ได้รับอนุญำตได้
หำกผู้ได้รับอนุญำตได้ระบุไว้เป็นหนังสือตำมแบบที่ก ำหนด
(๓) การบ ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าหรือไม้ยืนต้นในป่าสงวนแห่งชาติ
ที่เสื่อมโทรมสิ้นสภาพที่จะแก้ไขฟื้นคืนสภาพเดิมได้
ป่ำสงวนแห่งชำติที่เสื่อมโทรมสิ้นสภำพที่จะแก้ไขฟื้นคืนสภำพเดิมได้ กฎหมำย
ฉบับนี้มีบทบัญญัติตำมมำตรำ 20 ให้อธิบดีกรมป่ำไม้โดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอ ำนำจอนุญำตเป็นหนังสือ
ให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดท ำกำรบ ำรุงป่ำหรือปลูกสร้ำงสวนป่ำหรือไม้ยืนต้นได้ในเนื้อที่ไม่เกิน 2,000 ไร่
หำกเกินกว่ำนั้นต้องได้รับอนุมัติจำกคณะรัฐมนตรี และผู้ได้รับอนุญำตจะต้องเสียค่ำตอบแทนให้แก่รัฐ
ตำมจ ำนวนที่ก ำหนดไว้ในประกำศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ปัจจุบันเป็นกระทรวง
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม)
โดยกฎหมำยก ำหนดหลักเกณฑ์ในกำรอนุญำตท ำกำรบ ำรุงป่ำหรือปลูกสร้ำง
สวนป่ำหรือไม้ยืนต้นในป่ำสงวนแห่งชำติตำมมำตรำ 20 ไว้ 2 ประกำร คือ
(1) เป็นป่ำเสื่อมโทรมที่ไม่สำมำรถที่จะกลับฟื้นคืนดีตำมธรรมชำติได้
ตำมมำตรำ 16 ทวิ และ
(2) กำรอนุญำตนั้นต้องเพื่อท ำกำรบ ำรุงป่ำหรือปลูกสร้ำงสวนป่ำหรือไม้
ยืนต้น
(๔) อ านาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ กฎหมำยก ำหนดไว้ในมำตรำ 25 ว่ำ เมื่อได้
ก ำหนดป่ำใดเป็นป่ำสงวนแห่งชำติ และรัฐมนตรีได้แต่งตั้งพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ผู้ควบคุมและรักษำป่ำสงวน
แห่งชำตินั้นแล้วให้พนักงำนเจ้ำหน้ำที่มีอ ำนำจ ดังต่อไปนี้