Page 62 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 62

๓๕



                                         กำรอนุญำตโดยวิธีผูกขำดหรือให้สัมปทำนส ำหรับกำรท ำไม้ฟืนหรือไม้เผำถ่ำน

                   ไม่ว่ำโดยทำงตรงหรือทำงอ้อม ให้กระท ำได้เฉพำะในเขตป่ำที่ห่ำงไกลและกันดำร หรือเฉพำะกำรท ำไม้
                   ชนิดที่มีค่ำหรือหำยำก


                                         ผู้ได้รับอนุญำตหรือรับสัมปทำนต้องช ำระค่ำตีตรำคัดเลือกไม้เพื่อตัดฟันและ
                   ค่ำภำคหลวงให้กับรัฐ จึงจะสำมำรถท ำไม้ได้ภำยใต้เงื่อนไขกำรอนุญำต กำรเก็บหำของป่ำก็เช่นเดียวกัน


                                         อย่ำงไรก็ตำม ในช่วงระหว่ำงปี พ.ศ. 2515-2516 ได้มีกำรอนุญำตให้ท ำไม้สัก

                   และไม้กระยำเลยในป่ำโดยให้สัมปทำนในระยะยำวมีก ำหนด 30 ปี จ ำนวน 301 ป่ำ โดยรัฐบำลจะมี
                   รำยได้จำกกำรจัดเก็บค่ำตีตรำคัดเลือกไม้เพื่อให้ผู้รับสัมปทำนตัดฟันและค่ำภำคหลวง ต่อมำเกิดอุทกภัย

                   ครั้งร้ำยแรงในท้องที่บ้ำนกระทูน อ ำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมรำช เมื่อปลำยเดือนพฤศจิกำยน พ.ศ.

                   2531 ประชำชนและสื่อมวลชนได้เรียกร้องให้ยกเลิกสัมปทำนท ำไม้ รัฐบำลในขณะนั้นซึ่งมีพลเอกชำติชำย

                   ชุณหะวัณ เป็นนำยกรัฐมนตรี จึงได้ออกพระรำชก ำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระรำชบัญญัติป่ำไม้ พุทธศักรำช
                   2484 พ.ศ. 2532 ยกเลิกสัมปทำนท ำไม้ทั้งหมด โดยมีเหตุผลว่ำสภำพป่ำไม้ของประเทศถูกท ำลำยจนท ำ

                   ให้สภำพแวดล้อมตำมธรรมชำติขำดควำมสมดุลอันจะยังผลให้เกิดภัยพิบัติสำธำรณะดังเช่นที่เกิดขึ้น

                   ในจังหวัดภำคใต้เมื่อเดือนพฤศจิกำยน 2531  และอำจเกิดขึ้นอีกได้ จึงจ ำเป็นต้องระงับยับยั้งมิให้มีกำร
                   ท ำไม้ออกจำกป่ำและเร่งรัดฟื้นฟูสภำพป่ำขึ้นโดยเร็วและรัฐสภำก็ให้ควำมเห็นชอบโดยอนุมัติให้ใช้พระรำช

                   ก ำหนดดังกล่ำว กำรท ำไม้ในประเทศไทยจึงสิ้นสุดลงและผู้รับสัมปทำนมีสิทธิได้รับเงินชดเชยควำมเสียหำย

                   ภำยในขอบเขตที่ก ำหนดไว้

                                 (๔) การแผ้วถางป่า


                                         ในหมวด 5 เรื่อง กำรแผ้วถำงป่ำ กฎหมำยก ำหนดห้ำมกำรก่อสร้ำง แผ้วถำง

                   หรือเผำป่ำ หรือกระท ำด้วยประกำรใด ๆ อันเป็นกำรท ำลำยป่ำหรือเข้ำยึดถือครอบครองป่ำเพื่อตนเองหรือ
                   ผู้อื่น เว้นแต่จะกระท ำภำยในเขตที่ได้จ ำแนกไว้เป็นประเภทเกษตรกรรมและรัฐมนตรีได้ประกำศใน

                   รำชกิจจำนุเบกษำหรือโดยได้รับอนุญำตจำกพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ ซึ่งถือว่ำกฎหมำยในส่วนนี้เป็นบทบัญญัติ

                   ที่ป้องกันมิให้รำษฎรเข้ำบุกรุกถำงป่ำโดยพลกำร

                                 การบังคับใช้กฎหมาย

                                 กำรห้ำมกำรก่อสร้ำง แผ้วถำง หรือเผำป่ำ หรือกระท ำด้วยประกำรใดๆ อันเป็นกำรท ำลำย

                   ป่ำหรือเข้ำยึดถือครอบครองป่ำ เป็นกำรป้องกันมิให้รำษฎรบุกรุกครอบครองที่ดินในเขตป่ำไม้ อย่ำงไรก็ตำม

                   กำรอนุญำตให้ท ำไม้โดยเฉพำะกำรให้สัมปทำนป่ำไม้ท ำให้เกิดที่ดินว่ำงเปล่ำ โดยหลักกำรแล้วผู้รับสัมปทำน

                   จะต้องปลูกป่ำทดแทน เมื่อมิได้ปลูกป่ำทดแทนท ำให้มีกำรครอบครองท ำประโยชน์โดยผู้ที่ต้องกำรที่ดิน
                   ท ำกินตำมหลังกำรท ำไม้กลำยเป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไม่สำมำรถฟื้นฟูสภำพป่ำได้อีก
   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67