Page 70 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 70

๔๓



                                 การบังคับใช้กฎหมาย


                                  (๑) เมื่อรัฐบำลเห็นสมควรก ำหนดบริเวณที่ดินแห่งใดที่มีสภำพธรรมชำติเป็นที่น่ำสนใจ

                   ให้คงอยู่ในสภำพธรรมชำติเดิมเพื่อสงวนไว้ให้เป็นประโยชน์แก่กำรศึกษำและรื่นรมย์ของประชำชน ก็ให้มี
                   อ ำนำจกระท ำได้โดยประกำศพระรำชกฤษฎีกำ และให้มีแผนที่แสดงแนวเขตแห่งบริเวณที่ก ำหนดนั้นแนบ

                   ท้ำยพระรำชกฤษฎีกำด้วย บริเวณที่ก ำหนดนี้เรียกว่ำ “อุทยำนแห่งชำติ”  โดยที่ดินที่จะก ำหนดให้เป็น

                   อุทยำนแห่งชำตินั้น ต้องเป็นที่ดินที่มิได้อยู่ในกรรมสิทธิ์หรือครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมำยของบุคคลใด

                   ซึ่งมิใช่ทบวงกำรเมือง

                                  (๒) คณะกรรมกำรมีหน้ำที่ให้ค ำปรึกษำต่อรัฐมนตรีในเรื่องกำรก ำหนดที่ดินให้เป็นอุทยำน

                   แห่งชำติ และกำรขยำยหรือกำรเพิกถอนอุทยำนแห่งชำติ กำรคุ้มครองและดูแลรักษำอุทยำนแห่งชำติ

                                  (๓) กฎหมำยก ำหนดว่ำ ภำยในเขตอุทยำนแห่งชำติ ห้ำมมิให้บุคคลใดยึดถือหรือ

                   ครอบครองที่ดิน รวมตลอดถึงก่นสร้ำง แผ้วถำง หรือเผำป่ำ เก็บหำ น ำออกไป ท ำด้วยประกำรใดๆ ให้เป็น

                   อันตรำย หรือท ำให้เสื่อมสภำพ ซึ่งไม้ยำงไม้ น้ ำมันยำง น้ ำมันสน แร่หรือทรัพยำกรธรรมชำติอย่ำงอื่น
                   ท ำด้วยประกำรใดๆ ให้เป็นอันตรำยหรือท ำให้เสื่อมสภำพแก่ดิน หิน กรวด หรือทรำย เปลี่ยนแปลงทำงน้ ำ

                   หรือท ำให้น้ ำในล ำน้ ำ ล ำห้วย หนอง บึง ท่วมท้นหรือเหือดแห้ง ปิดหรือท ำให้กีดขวำงแก่ทำงน้ ำหรือทำงบก

                   เก็บหำ น ำออกไป ท ำด้วยประกำรใดๆ ให้เป็นอันตรำย หรือท ำให้เสื่อมสภำพ ซึ่งกล้วยไม้ น้ ำผึ้ง ครั่ง ถ่ำน

                   ไม้ เปลือกไม้ หรือมูลค้ำงคำว  เก็บหรือท ำด้วยประกำรใดๆ ให้เป็นอันตรำยแก่ดอกไม้ ใบไม้ หรือ ผลไม้
                   น ำยำนพำหนะเข้ำออกหรือขับขี่ยำนพำหนะในทำงที่มิได้จัดไว้เพื่อกำรนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญำตจำก

                   พนักงำนเจ้ำหน้ำที่  น ำอำกำศยำนขึ้นลงในที่ที่มิได้จัดไว้เพื่อกำรนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญำตจำกพนักงำน

                   เจ้ำหน้ำที่ น ำหรือปล่อยปศุสัตว์เข้ำไป น ำสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์พำหนะเข้ำไป เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตำมระเบียบที่

                   อธิบดีก ำหนดโดยอนุมัติของรัฐมนตรี เข้ำไปด ำเนินกิจกำรใดๆ เพื่อหำผลประโยชน์ เว้นแต่จะได้รับอนุญำต
                   จำกพนักงำนเจ้ำหน้ำที่  ปิดประกำศ โฆษณำ หรือขีดเขียนในที่ต่ำงๆ ทิ้งขยะมูลฝอยหรือสิ่งต่ำงๆ ในที่ที่มิได้

                   จัดไว้เพื่อกำรนั้น ทิ้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงซึ่งอำจท ำให้เกิดเพลิง

                                 (๔) แต่บทบัญญัติข้ำงต้นในข้อ 2.3.3 มิให้ใช้บังคับแก่พนักงำนเจ้ำหน้ำที่ซึ่งปฏิบัติกำร

                   ไปเพื่อประโยชน์ในกำรคุ้มครองและดูแลรักษำอุทยำนแห่งชำติ หรือกำรศึกษำ หรือวิจัยทำงวิชำกำร หรือ

                   เพื่ออ ำนวยควำมสะดวกในกำรทัศนำจรหรือกำรพักอำศัย หรือเพื่ออ ำนวยควำมปลอดภัย หรือให้ควำมรู้แก่
                   ประชำชน ทั้งนี้ต้องเป็นไปตำมระเบียบที่อธิบดีก ำหนดโดยอนุมัติของรัฐมนตรี


                                 (๕) ในกรณีที่มีกำรฝ่ำฝืนพระรำชบัญญัตินี้ เป็นเหตุให้มีสิ่งปลูกสร้ำงขึ้นใหม่หรือมีสิ่งอื่นใด

                   ในอุทยำนแห่งชำติผิดไปจำกสภำพเดิม ให้พนักงำนเจ้ำหน้ำที่มีอ ำนำจสั่งให้ผู้กระท ำควำมผิดท ำลำยหรือ
                   รื้อถอนสิ่งนั้นๆ ออกไปให้พ้นอุทยำนแห่งชำติ หรือท ำให้สิ่งนั้นๆ กลับคืนสภำพเดิม แล้วแต่กรณี ถ้ำผู้กระท ำ

                   ควำมผิดไม่ปฏิบัติตำม หรือถ้ำไม่รู้ตัวผู้กระท ำควำมผิด หรือเพื่อป้องกันหรือบรรเทำควำมเสียหำย
   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75