Page 64 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 64

๓๗



                                 หลักการและสาระส าคัญ

                                 รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รักษำกำร

                   ตำมกฎหมำยนี้ โดยมีอ ำนำจในกำรแต่งตั้งพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ และออกกฎกระทรวงก ำหนดค่ำธรรมเนียม

                   ค่ำภำคหลวง และค่ำบ ำรุงป่ำไม่เกินอัตรำตำมบัญชีท้ำยพระรำชบัญญัตินี้ และก ำหนดกิจกำรอื่น
                   เพื่อปฏิบัติกำรตำมพระรำชบัญญัตินี้ กำรก ำหนดให้บริเวณใดเป็นป่ำสงวนแห่งชำติเป็นอ ำนำจของ

                   รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม ที่จะออกกฎกระทรวงก ำหนดเขตป่ำสงวน

                   แห่งชำติ โดยกฎกระทรวงดังกล่ำวจะต้องมีแผนที่แสดงแนวเขตป่ำที่ก ำหนดเป็นป่ำสงวนแห่งชำตินั้น

                   แนบท้ำยกฎกระทรวงด้วย กำรเปลี่ยนแปลงเขตหรือกำรเพิกถอนป่ำสงวนแห่งชำติป่ำใดก็ต้องออกเป็น
                   กฎกระทรวงเช่นเดียวกัน


                                 โดยสำระส ำคัญ มีดังนี้

                                        (๑) คณะกรรมการส าหรับป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อได้ก ำหนดป่ำใดให้เป็นป่ำสงวน

                   แห่งชำติแล้ว กฎหมำยก ำหนดให้มีคณะกรรมกำรชุดหนึ่งประกอบด้วยผู้แทนกรมป่ำไม้ ผู้แทนกรมกำรปกครอง

                   ผู้แทนกรมที่ดิน และกรรมกำรอื่นอีกสองคนที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง เพื่อท ำหน้ำที่ควบคุมพนักงำนเจ้ำหน้ำที่
                   ในกำรปักหลักเขต ติดป้ำยหรือเครื่องหมำยแสดงแนวเขตป่ำสงวนแห่งชำติ ปิดประกำศกฎกระทรวงและ

                   แผนที่ซึ่งก ำหนดให้ติดที่ที่ท ำกำรอ ำเภอหรือกิ่งอ ำเภอท้องที่ ที่ท ำกำรก ำนันท้องที่ และที่เปิดเผยในหมู่บ้ำน

                   ท้องที่นั้น คณะกรรมกำรยังมีหน้ำที่ด ำเนินกำรสอบสวนและวินิจฉัยค ำร้องของบุคคลที่อ้ำงว่ำมีสิทธิหรือ
                   ได้ท ำประโยชน์ในเขตป่ำสงวนแห่งชำติอยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงก ำหนดป่ำสงวนแห่งชำตินั้นใช้บังคับ และ

                   อำจพิจำรณำก ำหนดค่ำทดแทนตำมที่เห็นสมควร


                                         (๒) การอยู่อาศัยหรือท าประโยชน์ในป่าสงวนแห่งชาติ  กฎหมำยมีบทบัญญัติ

                   ห้ำมมิให้รำษฎรเข้ำไปยึดถือครอบครองท ำประโยชน์หรืออยู่อำศัยในป่ำสงวนแห่งชำติ ตลอดจน
                   ห้ำมก่อสร้ำง แผ้วถำง เผำป่ำ ท ำไม้ เก็บหำของป่ำหรือกระท ำด้วยประกำรใด ๆ ซึ่งจะท ำให้เสื่อมเสียสภำพ

                   ของป่ำ เว้นแต่เป็นกำรท ำไม้หรือเก็บหำของป่ำโดยได้รับอนุญำตจำกพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ หรือตำมกฎหมำย

                   ว่ำด้วยป่ำไม้ หรือได้รับอนุญำตให้ท ำประโยชน์หรืออยู่อำศัยในเขตป่ำสงวนแห่งชำติตำมมำตรำ 16 มำตรำ
                   16  ทวิ และมำตรำ 16  ตรี หรือได้รับอนุญำตให้ศึกษำหรือวิจัยทำงวิชำกำร หรือเป็นกรณีกำรเข้ำไป

                   กำรผ่ำน หรือกำรใช้ทำง กำรน ำหรือปล่อยสัตว์เลี้ยงเข้ำไปตำมระเบียบที่อธิบดีกรมป่ำไม้ก ำหนด หรือ

                   กำรได้รับอนุญำตให้ท ำกำรบ ำรุงป่ำหรือปลูกสร้ำงสวนป่ำหรือไม้ยืนต้นในเขตป่ำเสื่อมโทรม

                                         พระรำชบัญญัติป่ำสงวนแห่งชำติ พ.ศ.  2507  มีกำรแก้ไขหลำยครั้ง ในปี

                   2528 แก้ไขเป็นพระรำชบัญญัติป่ำสงวนแห่งชำติ (ฉบับที่ 3)  พ.ศ.  2528 เพิ่มเติมมำตรำ 16 ทวิ และ

                   มำตรำ 16 ตรี ผ่อนผันให้ผู้ที่ท ำประโยชน์หรืออยู่อำศัยในบริเวณป่ำเสื่อมโทรมที่ก ำหนดเป็นเขตปรับปรุง
                   ป่ำสงวนแห่งชำติอยู่แล้วโดยจัดให้ท ำกินไม่เกิน 20  ไร่ต่อครอบครัวและมีก ำหนดเวลำครำวละไม่น้อยกว่ำ
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69