Page 46 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 46

กระทบสิทธิมนุษยชน  โดยเฉพาะคดีความผิดเกี่ยวกับเพศกรณีของผู้ที่ถูกข่มขืนกระทำาชำาเรา
                    ดังตัวอย่างเช่น  กรณีที่เกิดขึ้นในภาคเหนือโดยแฟนของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งพาไปเที่ยวแล้ว เพื่อนของ

                    ผู้ชายที่เป็นแฟนประมาณ ๔–๕ คน เข้ามารุมโทรม ซึ่งหากมีการให้ข่าวโดยไม่ปกปิดชื่อของผู้เสียหาย
                    ก็จะทำาให้ผู้เสียหายรายนี้ได้รับผลกระทบไม่กล้าเข้าสังคมเพราะเกิดความอับอาย  ส่วนผู้ต้องหา

                    เนื่องจากมีอายุต่ำากว่า ๑๘ ปี ซึ่งกรณีที่เด็กเป็นผู้กระทำาความผิด  มีกฎหมายที่ให้การคุ้มครองโดย
                    ไม่ถือว่าเด็กเป็นอาชญากร  และให้มีการแก้ไขเยียวยา  รวมทั้งต้องมีการปกปิดชื่อของเด็กที่กระทำา

                    ความผิดด้วย  ซึ่งการนำาตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นเด็กไปให้ข่าวก็เป็นการกระทำาที่ผิดกฎหมายที่ให้การ
                    คุ้มครองเด็ก  โดยการให้ข่าวจะต้องอยู่ในกรอบเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน  การแถลงข่าว

                    ต่อสื่อมวลชนไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการดำาเนินคดีและไม่ได้นำามาใช้เป็นหลักฐานในการดำาเนินคดี
                    แต่เป็นการประชาสัมพันธ์ผลงานของเจ้าหน้าที่ตำารวจบางคน  ซึ่งหากมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

                    โดยให้ข้อมูลในคดีที่เกี่ยวข้องกับเด็กและสตรีซึ่งเป็นเรื่องที่มีความผิดตามกฎหมาย  เจ้าหน้าที่ตำารวจ
                    ก็จะต้องมีการดำาเนินคดีเกี่ยวกับการกระทำาผิดดังกล่าว  ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตำารวจไม่ดำาเนินการก็จะมี

                    ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือ
                    ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น

                    การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึง
                    สองหมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ”  ดังนั้น จึงควรมีการกระตุ้นเตือนเพื่อทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย


                                  ผู้เข้�ร่วมก�รสัมมน�ได้ร่วมแสดงความคิดเห็น สรุปได้ ดังนี้

                                  ๑.  กฎหมายในปัจจุบันให้สิทธิผู้ต้องหามาก กรณีที่ผู้ต้องหาปฏิเสธหรือไม่สมัครใจ
                    ที่จะไปนำาชี้ที่เกิดเหตุ  เจ้าหน้าที่ตำารวจไม่สามารถบังคับให้ผู้ต้องหารายนั้นไปทำาแผนประทุษกรรมหรือ
                    นำาชี้ที่เกิดเหตุได้  ซึ่งในบางคดีที่ไม่มีประจักษ์พยานโดยมีแต่เพียงคำารับสารภาพ  เจ้าหน้าที่ตำารวจก็มี

                    ความจำาเป็นที่จะต้องนำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุ  โดยมีกรณีตัวอย่าง คือ คดีฆ่าข่มขืน โดยผู้ต้องหา

                    รู้จักกับเหยื่อซึ่งพักอาศัยอยู่ห้องใกล้เคียงกัน  เมื่อเจ้าหน้าที่ตำารวจเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุปรากฏว่า
                    ผู้ต้องหาหลบหนีไปแล้ว  เจ้าหน้าที่ตำารวจจึงได้ขออำานาจศาลในการออกหมายจับ  ต่อมา เมื่อจับกุม
                    ตัวผู้ต้องหาได้ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพ  แต่เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ในขณะกระทำา

                    ความผิด จึงต้องนำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ เพื่อให้ได้พยานหลักฐาน

                    เพียงพอให้ศาลเชื่อว่า ผู้ต้องหาหรือจำาเลยเป็นผู้กระทำาความผิด  และอีกกรณีหนึ่ง ผู้ต้องหาเป็น
                    ชาวต่างชาติข่มขืนกระทำาชำาเราแล้วฆ่าเหยื่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำารวจมีเพียงภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
                    ที่เห็นใบหูของผู้ต้องหา  และจากการสอบถามพยานแวดล้อมจึงได้ข้อมูลเบื้องต้น  เจ้าหน้าที่จึงได้ขอ

                    อำานาจศาลในการออกหมายค้นและได้เข้าตรวจค้นภายในห้องพักของผู้ต้องหาโดยพบโทรศัพท์มือถือ

                    ของเหยื่อและรอยนิ้วมือแฝงของผู้ต้องหา ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธจึงไม่ได้มีการนำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้
                    ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ
                                  ในการนำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ สื่อมวลชนและ

                    เจ้าหน้าที่ตำารวจมักจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่ละเมิดสิทธิผู้ต้องหา ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำารวจจะมี



                                                                                                          45

                                                                       สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
                                                      กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51