Page 44 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 44
สื่อมวลชนมองว่าสิทธิส่วนบุคคลหรือสิทธิมนุษยชนก็ต้องเคารพ แต่ในขณะเดียวกัน
สื่อมวลชนก็ทำาหน้าที่ติดตามตรวจสอบ ควบคุม การดำาเนินงานตามกลไกของรัฐ ซึ่งต้องมีการนำาเสนอ
โดยการพิจารณาในเรื่องสิทธิส่วนบุคคลกับประโยชน์สาธารณะ ทำาอย่างไรจึงจะให้เกิดคำานิยามและ
ความชัดเจนโดยให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ซึ่งยังไม่มีการกำาหนดคำานิยามหรือหลักเกณฑ์ในการ
พิจารณา แต่ขึ้นอยู่กับการใช้ดุลยพินิจของแต่ละบุคคลที่มีมุมมองที่แตกต่างกัน ซึ่งหากมีการกำาหนด
คำานิยามในเรื่องของประโยชน์สาธารณะที่ชัดเจน ก็จะทำาให้การวางแนวทางในการปฏิบัติมีความชัดเจน
มากยิ่งขึ้น โดยทั่วไป ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำารวจนำาตัวไปทำาแผนประทุษกรรมได้
แต่ในความเป็นจริงนั้น ผู้ต้องหายากที่จะปฏิเสธและยอมจำานน ซึ่งควรมีกลไกกระบวนการที่ให้ผู้ต้องหา
มีอิสระและสามารถปฏิเสธเพื่อป้องมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน
การที่สื่อมวลชนรายงานข่าวก็อาจเป็นประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่อีก
ด้านหนึ่ง การที่สื่อมวลชนไม่รายงานข่าวก็อาจเป็นประเด็นว่า ไม่ทำาหน้าที่หรือขาดความรับผิดชอบ
ในการทำาหน้าที่ของสื่อมวลชนหรือไม่ ซึ่งต้องร่วมกันหาแนวทางในการดำาเนินงานที่เหมาะสมและ
หน่วยงานใดควรที่จะเป็นมีส่วนในการควบคุมการดำาเนินงานของทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดความพอดี
สมควร
อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย คือ การที่เจ้าหน้าที่ตำารวจเปิดโอกาสให้สื่อมวลชน
ซักถามได้เต็มที่ ซึ่งในบางกรณีสื่อมวลชนอาจทำาหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและมีการใช้
คำาถามที่มากจนเกินไป โดยเห็นควรเสนอให้มีการเร่งรัดออกกฎหมายในเรื่องของร่างพระราชบัญญัติ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล และร่าง
พระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและส่งเสริมมาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ....
ซึ่งในส่วนของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและส่งเสริมฯ ซึ่งกลุ่มสื่อมวลชนมีความเห็น
ที่แตกต่างกัน โดยทางหนึ่งมีความเห็นว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพในการ
ปฏิบัติงานของสื่อมวลชน แต่อีกทางหนึ่งมีความเห็นว่า เป็นการทำาให้สื่อมวลชนเข้าไปอยู่ในกลไก
ของรัฐโดยมีคณะกรรมการควบคุมการทำางานของสื่อมวลชน ซึ่งเป็นการจำากัดเสรีภาพในการนำาเสนอ
ข้อมูลข่าวสารหรือไม่ อย่างไร โดยยังเป็นข้อโต้เถียงกันอยู่ขณะนี้ จึงทำาให้ยังไม่มีการประกาศใช้
กฎหมายฉบับนี้
การเสนอแนวทางในการปฏิบัติของสื่อมวลชน โดยลดระดับการให้ความสำาคัญใน
การนำาเสนอข่าวอาชญากรรมหรือการทำาแผนประทุษกรรม หรือการแถลงผลงานการจับกุมให้น้อยลง
ซึ่งจะทำาให้สิทธิของผู้ต้องหาได้รับการคุ้มครองมากขึ้น และหากกลไกการควบคุมกันเองของสื่อมวลชน
มีความเข้มแข็ง โดยมีการกำาหนดแนวทางในการปฏิบัติงานที่ชัดเจน หรือมีการจัดทำาคู่มือการ
รายงานข่าว ก็จะช่วยให้เกิดการเคารพสิทธิของผู้ต้องหามากขึ้น โดยทุกฝ่ายควรมีการหารือร่วมกัน
ทั้งนี้ ความรับผิดชอบของสื่อมวลชนไม่ได้ทำาหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐ โดยสื่อมวลชนทำาหน้าที่ในการ
ตรวจสอบติดตามการดำาเนินงานของรัฐให้มีความโปร่งใส ในส่วนนี้มีความเห็นว่าทำาอย่างไรจึงจะให้เกิด
ความพอดี
43
สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน