Page 45 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 45

การรายงานข่าวหากไม่มีการระบุข้อมูลที่ชัดเจนก็อาจทำาให้ข่าวนั้นขาดความน่าเชื่อถือ
                 และไม่สามารถยืนยันได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง  ซึ่งจะมีบุคคลที่ยืนยันข้อมูลได้ คือ เจ้าหน้าที่ตำารวจ

                 ที่แถลงข่าวเพียงคนเดียว  โดยการนำาเสนอข่าวที่เป็นเรื่องจริงและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งควรให้
                 สังคมได้รับรู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องมีการหารือร่วมกันเพื่อให้เกิดความพอดี



                               ผู้แทนคณะอนุกรรมก�รตรวจสอบก�รละเมิดสิทธิมนุษยชนด้�นกฎหม�ยและก�รปฏิบัติ
                 ที่ไม่เป็นธรรม ในคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ ได้แสดงความคิดเห็น สรุปได้ ดังนี้

                               การทำาแผนประทุษกรรมหรือการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบ

                 คำารับสารภาพนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖ วางหลักไว้ว่า พยานวัตถุ
                 พยานเอกสารหรือพยานบุคคล ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำาเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ ให้อ้างเป็นพยานหลักฐานได้
                 ซึ่งโดยส่วนใหญ่ในคดีที่มีประจักษ์พยาน ไม่จำาเป็นที่จะต้องมีพยานอื่นมาประกอบเนื่องจากประจักษ์

                 พยานสามารถทำาให้ศาลเชื่อได้ว่าจำาเลยเป็นผู้กระทำาความผิด และเป็นผลให้ศาลพิพากษาลงโทษโดย

                 ไม่จำาเป็นต้องนำาตัวผู้ต้องหาไปทำาแผนประทุษกรรม  แต่มีในหลายคดีที่ไม่มีประจักษ์พยาน เช่น กรณี
                 บ้านพักอาศัยที่ไม่มีผู้ใดอยู่ภายในบ้าน  โดยมีคนร้ายมางัดบ้านแล้วลักขโมยทรัพย์สินมีค่าไป ซึ่งไม่มี
                 ประจักษ์พยานรู้เห็น  แต่หากมีบุคคลแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายและพาไปพบทรัพย์สินที่คนร้าย

                 ขโมยไปแล้วนำาไปซ่อน ซึ่งกรณีนี้ก็น่าที่จะมีการจัดทำาแผนประทุษกรรม  และอีกตัวอย่างหนึ่งเป็นกรณี

                 ที่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งพาน้องสาวของเพื่อนไปข่มขืนกระทำาชำาเราแล้วฆ่า ซึ่งกรณีนี้จะ
                 ไม่มีประจักษ์พยาน โดยมีเพียงพยานแวดล้อม การนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบ
                 คำารับสารภาพ การดูรอยล้อรถว่าเป็นของจำาเลยหรือไม่ และการตรวจดูที่บริเวณศพของเหยื่อว่ามี

                 เส้นผมหรือสิ่งใดของจำาเลยตกอยู่หรือไม่ โดยการใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์  การที่จำาเลย

                 พาไปพบอาวุธที่ใช้ทำาร้ายเหยื่อโดยจำาเลยนำาไปทิ้งไว้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นพยานแวดล้อม  โดยกรณีนี้
                 การทำาแผนประทุษกรรมมีประโยชน์ คือ ทำาให้พยานหลักฐานมีน้ำาหนัก เพื่อให้ศาลเชื่อได้ว่าจำาเลยเป็น
                 ผู้กระทำาความผิดและพิพากษาลงโทษ ซึ่งในบางกรณีที่ไม่มีประจักษ์พยาน การทำาแผนประทุษกรรม

                 จะเป็นประโยชน์โดยเป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาของศาล แต่ประเด็นสำาคัญ คือ ทำาอย่างไร

                 ที่จะไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน  โดยการทำาแผนประทุษกรรม ผู้ต้องหาที่ให้การรับสารภาพจะ
                 ต้องให้ความยินยอม รวมทั้งในการทำาแผนประทุษกรรม  เจ้าหน้าที่ตำารวจจะต้องให้ความคุ้มครอง
                 ในเรื่องของความปลอดภัยของผู้ต้องหา เพื่อมิให้ประชาชนที่มามุงดูมีการทำาร้ายร่างกายหรือมีการ

                 รุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา  ซึ่งทุกภาคส่วนมีความเห็นว่า ในการดำาเนินคดีอาญาการนำาตัวผู้ต้องหาไป

                 นำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพมีความจำาเป็นเนื่องจากใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการ
                 พิจารณาพิพากษาของศาลในการลงโทษผู้กระทำาความผิด
                               ส่วนการแถลงข่าวกับการให้ข่าวมีความแตกต่างกัน  โดยการให้ข่าวเป็นการรายงาน

                 ความคืบหน้าของคดีอาญาที่เกิดขึ้น เช่น สถานที่เกิดเหตุ ลักษณะของความผิด ผู้เสียหาย ผู้ที่ได้รับ

                 ผลกระทบ การจับกุม การสอบสวน การส่งสำานวนไปยังอัยการเพื่อพิจารณา รวมถึงผลการพิจารณา
                 เป็นอย่างไร  ซึ่งในต่างประเทศจะมีการปกปิดข้อมูลของผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา  เพื่อมิให้เกิดการ


            44

            สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
            กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50