Page 25 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 25

โดยยังสามารถประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนได้ เนื่องจากกฎหมายไม่ได้กำาหนดว่า ผู้ที่ประกอบวิชาชีพ
                 สื่อมวลชนจะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเหมือนกับวิชาชีพอื่นๆ

                               เมื่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
                 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก็อาจจะต้องมีคำาแถลง เพื่อนำาเสนอเรื่องที่ถูกต้องและเรื่องที่

                 ไม่ถูกต้องให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ และขอให้มีการติดตามเพื่อจะได้มีความ
                 ต่อเนื่องในเรื่องข้างต้น  จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า กรณีที่เป็นคดีเกี่ยวกับเด็กซึ่งกฎหมายที่

                 ให้ความคุ้มครองหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อมวลชนก็ไม่มีการกระทำาการละเมิดสิทธิมนุษยชน
                 โดยทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน และจะทำาอย่างไรที่จะให้สังคมได้รับรู้และสื่อมวลชนจะได้มีความ

                 ระมัดระวังมากขึ้น เพื่อมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน


                           ๕)  การประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านกฎหมายและ
                 การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๔

                               ผู้แทนสภ�ทน�ยคว�ม  ให้ข้อมูลและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบ

                 คำารับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สรุปได้ ดังนี้
                               กฎหมายได้กำาหนดว่า การนำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุไม่จำาเป็นที่จะต้องดำาเนินการ

                 ในทุกคดี โดยมีคำาพิพากษาศาลฎีกา ที่ ๒๘๓๔/๒๕๕๐ เนื่องจากจำาเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า การสอบสวน

                 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๓๓ ตรี  และศาลฎีกาได้มีคำาพิพากษา
                 ฎีกาตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมายว่า  ในกรณีที่พนักงานสอบสวนเห็นว่า มีความจำาเป็นต้องชี้ตัว
                 จึงต้องดำาเนินการตามที่กฎหมายบัญญัติไว้  หาใช่บทบัญญัติที่บังคับให้พนักงานสอบสวนต้องจัดให้

                 มีการชี้ตัวทุกคดีไม่  กรณีเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่จัดให้มีการชี้ตัวหรือไม่ก็ได้ เพียงแต่ว่า

                 หากจัดให้มีการชี้ตัวต้องดำาเนินการตามที่กฎหมายบัญญัติ  ซึ่งสำานักงานตำารวจแห่งชาติได้มีคำาสั่ง
                 สำานักงานตำารวจแห่งชาติ ที่ ๘๕๕/๒๕๔๘ เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้
                 สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน และการจัดทำาสื่อประชาสัมพันธ์ ซึ่งที่ผ่านมาการที่เจ้าหน้าที่

                 ตำารวจนำาตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวโดยยังไม่ได้มีการพิสูจน์ว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำาความผิดหรือไม่

                 แต่การที่นำาตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวทำาให้ประชาชนตราหน้าว่าเป็นผู้กระทำาความผิด ซึ่งเท่าที่ผ่านมา
                 ในหลายๆ ครั้งมีการให้ข่าวว่าเป็นการจับผิดตัว  โดยหลังจากที่ทราบว่าเป็นการจับผิดตัวก็ไม่มีการ
                 มาแถลงข่าวว่าบุคคลที่ถูกจับมานั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ ทำาให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลนั้น ซึ่งในบางกรณี

                 ที่เจ้าหน้าที่ตำารวจได้ให้สื่อมวลชนเข้ามาทำาข่าวภายในห้องสอบสวน โดยสื่อมวลชนบางรายได้นำาเสนอ

                 ข่าวตามบันทึกถ้อยคำา ทำาให้เกิดผลเสียและผลกระทบต่างๆ ส่งผลให้มีการฟ้องร้องดำาเนินคดี ซึ่งเห็นว่า
                 ควรใช้วิธีการอื่นที่เหมาะสมกว่า

                               จากการค้นคว้าข้อมูลพบว่า มีบทความ เรื่อง สิทธิมนุษยชนกับสังคมไทย จาก website
                 : http://gotoknow.org/blog/knhr/62859  การนำาตัวผู้ต้องหาคดีอาญาออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

                 ประมวลระเบียบการตำารวจเกี่ยวกับคดี ได้วางแนวปฏิบัติในการนำาตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน




            24

            สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
            กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30