Page 27 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 27

การนำาตัวผู้ต้องหาคดีอาญาออกทำาแผนประกอบคำารับสารภาพ
                                  เมื่อผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ  พนักงานสอบสวนจะพาผู้ต้องหาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุ

                 ประกอบคำารับสารภาพ แล้วจดบันทึกเอาไว้ว่าผู้ต้องหาได้นำาชี้ที่ทางแห่งใด และให้ผู้ต้องหาลงลายมือชื่อ
                 ไว้ในเอกสาร ซึ่งเรียกกันว่า บันทึกการนำาชี้สถานที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ  รวมทั้งจัดให้มีการ

                 ถ่ายภาพการนำาชี้นั้นด้วย  ซึ่งในทางปฏิบัติพนักงานสอบสวนมักให้ผู้ต้องหาแสดงท่าทางประกอบ
                 การกระทำาผิดในขณะนำาชี้ที่เกิดเหตุ แล้วจดบันทึกไว้ว่า ผู้ต้องหาแสดงท่าทางในการกระทำาอย่างไร

                 รวมทั้งถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอเทปการแสดงรายละเอียดการกระทำาผิดนั้นด้วย และเรียกการนำาชี้
                 ที่เกิดเหตุและการแสดงท่าทางขณะกระทำาผิดของผู้ต้องหาว่า การทำาแผนประทุษกรรมประกอบ

                 คำารับสารภาพ ซึ่งการทำาแผนประทุษกรรมประกอบคำารับสารภาพ เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าผู้ต้องหา
                 ได้ให้การรับสารภาพโดยสมัครใจ

                                  ในการนำาชี้ที่เกิดเหตุแม้ว่าผู้ต้องหาให้การภาคเสธ (ไม่ถือเป็นการรับสารภาพ)
                 แต่ถ้าเห็นว่า หากให้ผู้ต้องหานำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำาที่รับสารภาพบางส่วนจะสามารถเป็นประโยชน์

                 ต่อรูปคดี ก็ควรให้ผู้ต้องหานำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพดังกล่าวเช่นเดียวกัน  อนึ่ง ในการ
                 ถ่ายภาพการนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพถ้ามีประชาชนมามุงดูควรให้ภาพติดด้วยและ

                 ผู้ต้องหาควรมีใบหน้ายิ้มแย้มเพื่อเป็นพยานหลักฐานยืนยันว่าผู้ต้องหาได้รับสารภาพด้วยความเต็มใจ
                                  ส่วนการติดตามสื่อมวลชนไปทำาข่าว สำานักงานตำารวจแห่งชาติได้เคยมีหนังสือเวียน

                 กำาชับมิให้พนักงานสอบสวนจัดให้สื่อมวลชนไปทำาข่าว รวมทั้งกำาชับมิให้แจ้งกำาหนดวันเวลาที่จะนำา
                 ผู้ต้องหาไปชี้ที่เกิดเหตุให้สาธารณชนทราบ  และหากเป็นการสมควรอาจจะใช้วัสดุปกปิดใบหน้าของ

                 ผู้ต้องหาขณะนำาชี้ที่เกิดเหตุ  ทั้งนี้ เพื่อมิให้การนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพเป็นการประจาน
                 ผู้ต้องหาให้เป็นที่เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียง

                                  จะเห็นได้ว่า ประมวลระเบียบการตำารวจเกี่ยวกับคดีให้อำานาจพนักงานสอบสวน
                 นำาตัวผู้ต้องหาไปชี้ที่เกิดเหตุได้กรณีที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และให้เป็นดุลยพินิจที่จะซักถามหรือ

                 ให้ผู้ต้องหาอธิบายวิธีและอาการแห่งการกระทำาความผิด แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าพนักงานสอบสวน
                 มีอำานาจที่จะนำาตัวผู้ต้องหาไปแสดงท่าทางกระทำาผิดต่อหน้าสาธารณชน เพราะหากพิจารณาให้ดีจะพบ

                 ว่าประมวลระเบียบการตำารวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ ๓๐ ข้อ ๑ (ค) กำาหนดห้ามมิให้เปิดเผยเหตุการณ์
                 หรือเรื่องราว ซึ่งถ้าหากเปิดเผยต่อประชาชนอาจเป็นแบบที่บุคคลอื่นจะถือเอาเป็นตัวอย่างในการกระทำา

                 ขึ้นอีก เช่น แผนประทุษกรรมต่างๆ ของคนร้ายหรือวิธีการอันชั่วร้ายอื่นๆ เป็นต้น

                               ผู้แทนองค์กรพัฒน�เอกชน (NGOs) ให้ข้อมูลและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการนำาชี้ที่เกิดเหตุ

                 ประกอบคำารับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สรุปได้ ดังนี้

                               ในต่างประเทศจะไม่มีการนำาตัวผู้ต้องหาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพหรือ
                 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ซึ่งกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยใช้ระบบกล่าวหา และมีการใช้คำาพิพากษา

                 ฎีกาเป็นแนวทางในการพิจารณาคดี จึงอาจทำาให้เกิดความสับสนในการปฏิบัติ  โดยรัฐธรรมนูญแห่ง
                 ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๙ วรรคสอง บัญญัติว่า  “ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐาน



            26

            สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
            กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32